แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องบรรยายในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินตาม น.ส. 3 ก. เลขที่ 1738 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ที่โจทก์นำยึด ซึ่งจำเลยที่ 1 และ ก. เจ้าของรวมได้นำที่ดินดังกล่าวมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้ยืมเงินของ น. เมื่อ น. ไม่ชำระหนี้ผู้ร้องจึงบอกกล่าวบังคับจำนองจำเลยที่ 1 และ ป. ทายาทโดยธรรมของ ก. ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้แก่ผู้ร้อง เนื้อหาตามคำร้องจึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดส่วนที่เป็นของ ก. ออกจากเงินที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองใช้สิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 เพื่อขอรับชำระหนี้จำนอง ซึ่งสิทธิของผู้ร้องถือว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์นั้นได้ตามมาตรา 287 ดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับกำหนดเวลาตามมาตรา 289 วรรคสอง ที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน จำนวน 166,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1738 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม (ซึ่งปัจจุบันคือที่ดินโฉนดเลขที่ 10707 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม) ของจำเลยที่ 1 และนางกาศออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอว่า ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินส่วนของนางกาศชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก่อนหนี้เจ้าหนี้อื่นด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินส่วนของนางกาศมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นเป็นการยื่นคำร้องขอเกินกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องบรรยายในคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินตาม น.ส. 3 ก. เลขที่ 1738 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ที่โจทก์นำยึด ซึ่งจำเลยที่ 1 และนางกาศเจ้าของรวมได้นำที่ดินดังกล่าวมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้กู้ยืมของนายนิรักษ์ เมื่อนายนิรักษ์ไม่ชำระหนี้ผู้ร้องจึงบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 1 และนายปาน ทายาทโดยธรรมของนางกาศ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องด้วย เนื้อหาตามคำร้องขอจึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ส่วนที่เป็นของนางกาศออกจากเงินที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 เพื่อขอรับชำระหนี้จำนอง ซึ่งสิทธิของผู้ร้องเช่นว่านี้ถือได้ว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์นั้นได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 287 ดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับกำหนดเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 วรรคสอง ที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์จำนองนั้นออกขายทอดตลาด และเมื่อได้ความจากทางนำสืบของผู้ร้องโดยไม่มีฝ่ายใดคัดค้านว่า ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นผู้รับจำนองที่ดินที่โจทก์นำยึดแทนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เดิมของจำเลยที่ 1 และนางกาศ เมื่อโจทก์นำยึดที่ดินทรัพย์จำนองซึ่งจำเลยที่ 1 และนางกาศเป็นเจ้าของร่วมกันออกขายทอดตลาดโดยปลอดจำนอง และผู้ร้องประมูลซื้อได้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1738 ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในส่วนของนางกาศก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ