แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
สัญญาจำนองข้อ 1 ระบุว่า ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้และภาระผูกพันใดๆ ของ อ. ที่มีต่อธนาคาร ก. ผู้ร้องจำนอง ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะ ทุกประเภทหนี้ เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท และตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง ข้อ 2 ระบุว่า หนี้สินและภาระผูกพันใดๆ ที่จำนองเป็นประกัน ได้แก่ หนี้สินและภาระผูกพันทุกประเภท ทุกอย่าง ที่มีต่อผู้รับจำนองแล้วในเวลานี้และที่จะมีต่อไปในภายหน้า เมื่อหนี้สินและภาระผูกพันประเภทใดประเภทหนึ่ง หรืออย่างใดอย่างหนึ่งระงับสิ้นไป แต่หนี้สินและภาระผูกพันประเภทอื่นยังมีอยู่หรือจะมีต่อไปในภายหน้าสัญญาจำนองไม่ระงับสิ้นไปคงผูกพันเป็นประกันต่อไป เห็นได้ว่า สัญญาจำนองที่ดินดังกล่าวนอกจากจะเพื่อเป็นประกันเงินที่โจทก์กู้จากจำเลยตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ยังเป็นประกันหนี้ทุกประเภทที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยอีกด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระแก่จำเลยที่สาขารังสิต จังหวัดปทุมธานี แม้จะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการทำนิติกรรมกับจำเลยต่างสาขากัน แต่เป็นหนี้ที่โจทก์ค้างชำระแก่จำเลยเช่นกันถือได้ว่า โจทก์ยังมีหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อจำเลยตามสัญญาจำนองรายนี้อยู่ แม้โจทก์จะได้ชำระหนี้ที่โจทก์กู้จากจำเลย สาขาสามพราน ครบถ้วนแล้ว สัญญาจำนองก็ไม่ระงับสิ้นไป จำเลยมีสิทธิที่จะไม่จดทะเบียนไถ่ถอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 64852 ตำบลแสมดำ (บางบอน) อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าวและใช้ค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยแถลงรับว่า หนี้ของโจทก์ในคดีนี้จำเลยได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ตามสัญญาจำนอง สัญญากู้ยืมเงิน รายการบัญชีและหนังสือบอกกล่าวทวงถาม โจทก์แถลงรับว่าโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระจำเลยที่สาขารังสิตตามสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน สัญญาจำนอง หนี้ที่สาขารังสิตอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหนังสือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และโจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 64852 ตำบลแสมดำ (บางบอน) อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญากู้ยืมเงินจากจำเลยที่สาขาสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 64852 ตำบลแสมดำ (บางบอน) อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครไว้แก่จำเลยตามสัญญากู้ยืมเงิน และสัญญาจำนอง และโจทก์ชำระเงินกู้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยไม่ดำเนินการไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 64852 ให้แก่โจทก์เนื่องจากโจทก์มีหนี้ค้างชำระแก่จำเลย ที่สาขารังสิต จังหวัดปทุมธานี มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์หรือไม่ ปรากฏตามสัญญาจำนองข้อ 1 ระบุว่า ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้และภาระผูกพันใดๆ ของนางสาวอรวรรณ มหสกุลยง ที่มีต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ผู้รับจำนอง ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะ ทุกประเภทหนี้ เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท และตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง ข้อ 2 ระบุว่า หนี้สินและภาระผูกพันใดๆ ที่จำนองเป็นประกัน ได้แก่หนี้สินและภาระผูกพันทุกประเภท ทุกอย่าง ที่มีต่อผู้รับจำนองแล้วในเวลานี้และที่จะมีต่อไปในภายหน้า เมื่อหนี้สินและภาระผูกพันประเภทใดประเภทหนึ่ง หรืออย่างใดอย่างหนึ่งระงับสิ้นไป แต่หนี้สินและภาระผูกพันประเภทอื่นยังมีอยู่หรือจะมีต่อไปในภายหน้า สัญญาจำนองไม่ระงับสิ้นไป คงผูกพันเป็นประกันต่อไป เห็นว่า ข้อสัญญาดังกล่าวมีความหมายอย่างแจ้งชัดว่า สัญญาจำนองที่ดินดังกล่าวนอกจากจะเพื่อเป็นประกันเงินที่โจทก์กู้จากจำเลย ตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ยังเป็นประกันหนี้ทุกประเภทที่โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยอีกด้วย ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าโจทก์ยังมีหนี้ค้างชำระแก่จำเลยที่สาขารังสิต จังหวัดปทุมธานี แม้จะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการทำนิติกรรมกับจำเลยต่างสาขากัน แต่เป็นหนี้ที่โจทก์ค้างชำระแก่จำเลยเช่นกันถือได้ว่า โจทก์ยังมีหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อจำเลยตามสัญญาจำนองรายนี้อยู่ แม้โจทก์จะได้ชำระหนี้ที่โจทก์กู้จากจำเลย สาขาสามพราน ครบถ้วนแล้ว สัญญาจำนองก็ไม่ระงับสิ้นไป จำเลยมีสิทธิที่จะไม่จดทะเบียนไถ่ถอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน