คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์เก๋งออกพ้นปากตรอกมาคารางรถรางอยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะแล่นต่อไปในถนนได้ เพราะกำลังมีรถยนต์แล่นผ่านไปมา ทั้งจะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะจะชนรถยนต์บรรทุกที่แล่นสวนเข้าตรอกไป เวลานั้นจำเลยกำลังขับรถรางมาและจำเลยเห็นรถยนต์เก๋งในระยะประมาณ 30 เมตร จำเลยก็ไม่หยุดหรือเบารถราง แต่จำเลยกลับโบกมือให้รถยนต์เก๋งถอยออกไป ต่อเมื่อเข้ามาในระยะใกล้แล้วจำเลยจึงได้พยายามหยุดรถ แต่หยุดไม่ทันท่วงที รถรางถึงชนรถยนต์เก๋งเสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
ฎีกาว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุน เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
แต่ถ้าฎีกาว่า ศาลฟังโดยมีพยานหลักฐานแต่ไม่ควรฟังดังนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถรางชนรถยนต์เก๋งโดยประมาท ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่า รถยนต์แล่ตัดหน้ารถรางในระยะกระชั้นชิด
ศาลแขวงพระนครเหนือเห็นว่า เป็นความประมาทของจำเลยที่ขับรถรางชนรถยนต์เก๋งเสียหาย พิพากษาว่าจำเลยผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก พงศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙, ๖๖ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ ม.๔ ให้ปรับจำเลย ๑๐๐ บาท ใบอนุญาตขับรถรางยังไม่สมควรถอน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยข้อเดียวในปัญหาข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมานั้นเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ นอกนั้นเป็นข้อเท็จจริง สั่งไม่รับ จำเลยมิได้คัดค้านคำสั่งนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ๒ ข้อ คือ (๑) ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงผิดกฎหมายหรือไม่ (๒) ข้อเท็จจริงตามที่ศาลฟังมานั้นเป็นการกระทำโดยประมาทตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนปัญหาที่ว่าข้อเท็จจริงตามที่ศาลฟังมานั้นเป็นการกระทำโดยประมาทตามกฎหมายหรือไม่นั้น ได้ความตามศาลล่างฟังว่า รถเก๋งออกพ้นปากตรอกมาตารางรถรางอยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะแล่นไปในถนนต่อไปได้ เพราะขณะนั้นมีรถยนต์วิ่งผ่านไปมา รถเก๋งจำต้องรอก่อน และรถเก๋งจะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะขณะนั้นมีรถยนต์บรรทุกได้สวนเข้าตรอกไป หากถอยหลังก็จะโดนบรรทุกคันนั้น เวลานั้นจำเลยกำลังขับรถรางตรงมาและได้เห็นในระยะไกลประมาณ ๓๐ เมตร จำเลยก็ไม่หยุดหรือเบารถ แต่จำเลยกลับโบกมือให้รถยนต์ถอยออกไป ต่อเมื่อเข้ามาในระยะใกล้แล้วจำเลยจึงได้พยายามหยุดรถ จึงหยุดไม่ทันท่วงที และได้เกิดโดนกันขึ้นเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นเพราะความประมาทของจำเลยอันเป็นการกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ผิดจากหลักฐานในสำนวนนั้น ข้อฎีกาของจำเลยตอนนี้ จะหมายความว่า ศาลฟังโดยไม่มีหลักฐานในสำนวนสนับสนุน อันเป็นข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี ตามสำนวนมีหลักฐานว่ารถที่ถูกชนถอยหลังไม่ได้ เพราะติดรถกุดังที่สวนเข้าไปในตรอก จึงไม่ใช่เรื่องศาลฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุน ส่วนที่ควรฟังเช่นนั้นหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกา
พิพากษายืน

Share