คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุกคนละ 15 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้
ว่าจำเลยที่ 2 ยังไม่ผิด จึงให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 คงพิพากษายืน ดังนี้
แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 อย่างเดียว ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่ติดใจฎีกาแล้วก็ตาม เมื่อศาลฎีกาพิจารณาเห็น
ว่า เป็นเรื่องป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ อันเป็นเหตุลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมพิพากษาลดโทษจำเลยที่ 1 ฐาน
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุด้วยได้./

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันฆ่านายเพ็ชรตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๖๓.
จำเลยที่ ๑ ภาคเสธว่า กระทำไปโดยบรรดาลโทษ
จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง ๒ ผิดตามฟ้องให้จำคุกคนละ ๑๕ ปี จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ ลดโทษศให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำ
เลยที่ ๑, ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า คดีไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ สมคบด้วย จึงให้ปล่อยจำเลยที่ ๒ ส่วนเฉพาะจำเลยที่ ๑ คงพิพากษา
ยืน.
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒.
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำร้ายผู้ตายตายจริง แต่เป็นการกระทำในฐานะป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ส่วนจำเลยที่ ๒ ได้เข้าช่วยจำเลยที่ ๑ ทำร้ายผู้ตายด้วย จึงต้องมีผิดด้วย
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้ง ๒ ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ – ๕๓ ให้จำคุกจำเลยทั้ง ๒ คนละ ๓ ปี ตามลักษณะคดี.

Share