แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จะฟังเป็นความจริงดังจำเลย อ้างว่าบิดาได้ยกที่พิพาทมีโฉนดให้จำเลยจำเลยเข้าครอบครองติดต่อกันมา 19 ปี ก็ดี แต่เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสิทธิที่ได้มานั้น ก็ย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับโอนมาด้วยการซื้อโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่
โจทก์ขอแก้ฟ้องเฉพาะเลขที่ของโฉนด และจำนวนเนื้อที่ดินเพื่อให้ถูกต้องกับความจริง เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยและขอแก้ก่อนมีการชี้สองสถาน ทั้งมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยก็ยังคงมีข้อต่อสู้เช่นเมื่อก่อนแก้ เช่นนี้ ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
การที่ศาลต้องรอการพิจารณามานานโดยจำเลยขอให้รอฟังผลของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินและสั่งจำหน่ายคดีเสียชั่วคราว กับสั่งว่าหากปรากฏผลประการใดก็ให้คู่ความแถลงให้ศาลทราบเพื่อดำเนินการต่อไปนั้น มีผลเป็นคำสั่งให้รอคดีไว้ชั่วคราว หาใช่จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเสียทีเดียวไม่ ต่อมาเมื่อโจทก์ร้องขอให้พิจารณาต่อไป ศาลก็นัดพิจารณาใหม่ได้ โดยมิต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวนั้น การพิจารณาของศาลต่อจากนั้น ย่อมไม่เสียไป
ย่อยาว
ได้ความว่า ที่ดินตามโฉนดพิพาทเดิมเป็นของนายพันบิดา ของนายเปรมและจำเลย ที่ ๒ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๔ นายเปรมรับโอนทางมรดกโดยนายพันวายชนม์ พงศ. ๒๔๙๒ นายเปรมจำนองไว้กับนางบุญถึง จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงไถ่ถอน พ.ศ. ๒๔๙๖ นายเปรมได้เอาไปจำนองไว้กับนายมานพอีกครั้งหนึ่งและได้ไถ่ถอนในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๙๗ วันเดียวกันนั้นนายเปรมจดทะเบียนขายให้แก่โจทก์ ๆ ก็จำนองไว้กับนายพริ้งในวันนั้นจนบัดนี้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาท ห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ ๘๐๐ บาท นับแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ จนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายมีว่า
(๑) แม้จะฟังเป็นความจริงดังจำเลยอ้างว่านายพันได้ยกที่พิพาทให้จำเลย ๆ เข้าครอบครองติดต่อกันมา ๑๙ ปี ก็ดี แต่จำเลยหาได้จดทะเบียนสิทธิที่ได้มานั้นไม่ ดังนั้นตามป.พ.พ. มาตรา ๑๒๙๙ จึงมีการเปลี่ยนทางทะเบียนไม่ได้ และจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ เพราะโจทก์ได้รับโอนมาโดยการซื้อโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ทั้งได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว
(๒) ที่จำเลยฎีกาคัดค้านเรื่องศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ขอแก้เพียงเลขที่ของโฉนดและเนื้อที่ดิน เพื่อให้ถูกกับความจริง เป็นการแก้เพียงเล็กน้อย และได้ขอแก้ก่อนมีการชี้สองสถานการแก้นี้มิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบอย่างไร เพราะจำเลยก็คงมีข้อต่อสู้เช่นเมื่อก่อนแก้ ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ จึงไม่ผิด
(๓) ที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า การพิจารณาพิพากษาคดีนี้เป็นโมฆะเพราะศาลได้สั่งจำหน่ายคดีนี้ไปแล้ว ยังไม่ได้มีการเพิกถอนคำสั่งนั้น คดีนี้ได้ความว่า การที่ศาลต้องรอการพิจารณามานานโดยมีเหตุบางประการ (โดยจำเลยขอให้รอฟังผลของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน) ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีเสียชั่วคราวก่อนและสั่งว่าหากปรากฏผลประการใด ก็ให้คู่ความแถลงให้ศาลทราบเพื่อดำเนินการต่อไปนั้น มีผลเป็นคำสั่งให้รอคดีไว้ชั่วคราว หาใช่จำหน่ายคดีออกจากสารบบความทีเดียวไม่ ต่อมาเมื่อโจทก์ร้องขอให้พิจารณาต่อไป ศาลก็นัดพิจารณาใหม่ ได้โดยมิต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวนั้น การพิจารณาของศาลต่อมาจากนั้นย่อมไม่เสียไป