คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำอย่างไรหรือคำพูดอย่างไรที่รับฟังเป็นยุติแล้วจะเป็นความผิดตามกฎหมายบทมาตราใดหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดจึงเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย หาใช่เป็นการโต้แย้งให้ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องซึ่งฟังยุติแล้ว อันเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๒๘, ๑๓๖, ๔๔, ๙๐, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙มาตรา ๒๒ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ในชั้นนี้ว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยได้ไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจตรีสมยศ อรุณสวัสดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน มีข้อความตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องโจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ไปแจ้งความระบุว่าโจทก์กระทำการไม่เหมาะสมกับที่เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พานางสาวสุวิบูลย์พัฒน์พงษ์พานิช ซึ่งเป็นคนรักของจำเลยไปในทางชู้สาว การบอกเล่าข้อความเช่นนั้นต่อร้อยเวรสอบสวนอาจทำให้ผู้รับแจ้งเกิดความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ และข้อความที่แจ้งว่าโจทก์เอาขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ให้จำเลยกินจนเกือบตายในห้องขัง ทำให้ผู้รับแจ้งหรือบุคคลอื่นที่ทราบบันทึกนั้นรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ว่าเป็นคนเลวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่มีคุณธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ เช่นกันนอกจากนี้จำเลยยังได้กล่าวหาว่าโจทก์กลั่นแกล้งจับกุมจำเลยด้วยการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำอย่างไรหรือคำพูดอย่างไรที่รับฟังเป็นยุติแล้วจะเป็นความผิดตามกฎหมายบทใดหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายอุทธรณ์ของโจทก์หาใช่เป็นการโต้แย้งให้ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องแต่อย่างใด อันเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของโจทก์ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share