แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในวันชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นใหม่เป็นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดี ประเด็นที่กำหนดใหม่จึงไม่แตกต่างจากประเด็นเดิมและไม่ทำให้โจทก์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลชั้นต้นมีสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 รวมทั้งบริวารออกไปจากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทแล้วส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งห้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีก กับให้เพิกถอนเอกสารสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่ออกทับที่ดินโจทก์หรือมีคำสั่งว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวไม่ชอบ ให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งห้าให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าเอกสารสิทธิที่จำเลยออกนั้นเป็นโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่เท่าใดที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์อย่างเป็นเจ้าของโดยสงบเปิดเผยไม่มีผู้โต้แย้งติดต่อกันจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี และได้ออกโฉนดในที่ดินพิพาทแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ กับให้เพิกถอนโฉนดที่ออกทับที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จจำเลยทั้งห้าให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ได้ครอบครองทำประโยชน์อย่างเป็นเจ้าของโดยสงบเปิดเผยเป็นเวลาเกิน 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์และออกโฉนดที่ดินพิพาทแล้ว และโจทก์ตีราคาที่ดินพิพาทเป็นเงิน 92,500 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟังพยานไม่ชอบ จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นขึ้นใหม่แตกต่างจากประเด็นเดิมที่กำหนดในวันชี้สองสถานเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ในวันชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อ 2 ว่า จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นใหม่เป็นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดี ประเด็นที่กำหนดใหม่จึงไม่แตกต่างจากประเด็นเดิมและไม่ทำให้โจทก์ไม่ได้รับความเป็นธรรมศาลชั้นต้นมีสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน