คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6157/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ซื้อทรัพย์จะเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 12723 จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจะโอนไปเป็นของผู้ซื้อทรัพย์ก็ต่อเมื่อมีการนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้น และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นจะต้องมีการตีราคาหรือประเมินราคาที่ดินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนและต้องถือว่าราคาประเมินที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นเงินที่ได้พึงประเมินของเจ้าของที่ดินอันตกเป็นภาระที่ต้องนำไปคำนวณเสียภาษีเงินได้อีกด้วย ฉะนั้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อได้จากการขายทอดตลาดจึงเป็นภาระภาษีของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ซื้อทรัพย์ย่อมมีสิทธิได้รับคืนจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงเท่าที่มีอยู่หลังจากหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 12723 ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ของจำเลยทั้งสองเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โดยประเมินราคาไว้เป็นเงิน 4,209,800 บาท ต่อมาในการขายทอดตลาดครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 เจ้าพนักงานบังคับคดีตกลงเคาะไม้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคา 2,110,000 บาท และผู้ซื้อทรัพย์ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันเดียวกันโดยมีข้อความปรากฏในตอนท้ายของหนังสือซื้อขายว่า “ตามสัญญาผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธินำใบเสร็จรับเงินที่มีการชำระค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย มาขอคืนภาษีได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ หากไม่มาขอคืนภาษีภายในกำหนดจะถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจขอคืนภาษีดังกล่าว” ต่อมาวันที่ 22 มีนาคม 2548 ผู้ซื้อทรัพย์ได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 12723 ดังกล่าวต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดนครปฐม โดยเจ้าพนักงานที่ดินประเมินราคาเป็นเงิน 30,070,000 บาท ในการนี้ผู้ซื้อทรัพย์ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเงิน 2,960,500 บาท แล้ว ในวันเดียวกันนั้นผู้ซื้อทรัพย์นำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรมาขอคืนเงินภาษีต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในกำหนด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งคำบอกกล่าวไปยังโจทก์และจำเลยทั้งสองว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะคืนเงินภาษีให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งจะยังผลให้โจทก์ไม่ได้รับเงินจากการขายทอดตลาดเลยหากจะโต้แย้งคัดค้านในการคืนเงินภาษีของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้โจทก์จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาล
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องคัดค้านการคืนภาษีของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ระงับการคืนภาษีให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์
ในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ในการให้คืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ ในกรณีนี้ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้อำนาจศาลในการที่จะสั่งให้คืนภาษีหรือไม่คืนภาษีได้ ให้ยกคำร้องของโจทก์ จำเลยที่ 1 และผู้ซื้อทรัพย์
ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธิได้รับคืนเงินค่าภาษีเงินได้หลังจากหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้ว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า แม้ผู้ซื้อทรัพย์จะเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 12723 ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตามแต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจะโอนไปเป็นของผู้ซื้อทรัพย์ก็ต่อเมื่อมีการนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้น และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นจะต้องมีการตีราคาหรือประเมินราคาที่ดินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนและต้องถือว่าราคาประเมินที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินของเจ้าของที่ดินอันตกเป็นภาระที่ต้องนำไปคำนวณเสียภาษีเงินได้อีกด้วย ฉะนั้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อได้จากการขายทอดตลาดจึงเป็นภาระภาษีของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ซื้อทรัพย์ย่อมมีสิทธิได้รับคืนจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงเท่าที่มีอยู่หลังจากหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีแล้ว คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share