คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คของโจทก์ร่วมไปให้จำเลยที่ 1กรอกวันที่ จำนวนเงิน และลงลายมือชื่อปลอมของโจทก์ร่วมเป็นผู้สั่งจ่ายลงในแบบพิมพ์เช็คดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 นำสำเนาภาพถ่ายเช็คที่มีลายมือชื่อโจทก์ร่วมให้จำเลยที่ 1 หัดปลอมลายมือชื่อโจทก์ร่วมก่อนหลังจากปลอมเช็คแล้วจำเลยที่ 2 ได้พาจำเลยที่ 1ไปที่ธนาคารเพื่อเบิกเงินเมื่อเบิกเงินได้แล้วจำเลยที่ 2 ได้เตรียมรถแท็กซี่รออยู่และพากันกลับด้วยกัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็ค แล้วปลอมเช็คและใช้เช็คปลอมดังกล่าว มีเจตนาแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นความผิดต่างกรรมกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายหลายคนเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของนางอัญชลี พิทยานนท์ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วร่วมกันลักเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว 1 ฉบับหมายเลข 1173595 ราคา 3 บาท ของผู้เสียหายไปโดยสุจริต ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองเช็คของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวทั้งนี้โดยจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันลักเอาเช็ค หรือมิฉะนั้นได้ร่วมกันรับของโจรเช็คของผู้เสียหายดังกล่าว โดยรับไว้ ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งเช็คดังกล่าวจากคนร้ายโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมเช็คซึ่งเป็นตั๋วเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว แต่บางส่วนโดยนำแบบพิมพ์เช็คของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าวฉบับหมายเลข 1173595 ซึ่งเป็นเอกสารที่แท้จริง มาเขียนกรอกข้อความในช่องวันที่ว่า “20 มีนาคม 29” ในช่องจ่ายว่า “สด” ในช่องจำนวนเงินว่า “แปดแสนหกหมื่นห้าพันบาทถ้วน” และ “865,000” แล้วปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหายลงในช่องสำหรับผู้สั่งจ่ายลงลายมือชื่อ เพื่อให้นางสาวบุบผา มังคโลดม ซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาลาดพร้าว ธนาคารกรุงเทพ จำกัด และประชาชนหลงเชื่อว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่แท้จริงที่ผู้เสียหายเจ้าของบัญชีตามเช็คเป็นผู้สั่งจ่ายเงินสดให้แก่ผู้ถือทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย นางสาวบุบผา ธนาคารกรุงเทพ จำกัด และประชาชนจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าวที่จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมขึ้นดังกล่าวต่อนางสาวบุบผากับพวกซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว เพื่อให้นางสาวบุบผากับพวกหลงเชื่อว่าเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริงที่ผู้เสียหายเป็นผู้สั่งจ่าย เพื่อขอขึ้นเงินสดจำนวน865,000 บาท จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าวและธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว ได้จ่ายเงินจำนวน865,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองไป ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย นางสาวบุบผา ธนาคารกรุงเทพจำกัด และประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,357, 264, 266, 268, 83 คืนของกลางแก่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 266(4), 83จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 7 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกคืนของกลางแก่โจทก์ร่วม จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว เอกสารหมาย จ.1 ของโจทก์ร่วม และจำเลยที่ 1 ได้กรอกวันที่ จำนวนเงินและลงลายมือชื่อปลอมของโจทก์ร่วมเป็นผู้สั่งจ่ายลงในเช็คเอกสารหมาย จ.1 แล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารดังกล่าวเจ้าหน้าที่ธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นเช็คที่โจทก์ร่วมลงลายมือชื่อสั่งจ่ายจริง จึงจ่ายเงิน 865,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 ไปอันเป็นความผิดฐานปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม ปัญหามีว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอมหรือไม่… พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมดังนี้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คเอกสารหมาย จ.1 ของโจทก์ร่วมไปให้จำเลยที่ 1 กรอกวันที่ จำนวนเงิน และลงลายมือชื่อปลอมของโจทก์ร่วมเป็นผู้สั่งจ่ายลงในเช็คเอกสารหมาย จ.1 โดยจำเลยที่ 2 นำสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.ร.2 ที่มีลายมือชื่อโจทก์ร่วมให้จำเลยที่ 1 หัดปลอมลายมือชื่อโจทก์ร่วมก่อน หลังจากปลอมเช็คเอกสารหมาย จ.1 แล้ว จำเลยที่ 2 ได้พาจำเลยที่ 1 ไปที่ธนาคารเพื่อเบิกเงิน เมื่อเบิกเงินได้แล้ว จำเลยที่ 2 ได้เตรียมรถแท็กซี่รออยู่และพากันกลับด้วยกัน การกระทำของจำเลยที่ 2จึงเป็นผู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอมตามฟ้อง พยานหลักฐานที่อยู่ของจำเลยที่ 2 ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ การที่จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คเอกสารหมาย จ.1 แล้วปลอมเช็คเอกสารหมาย จ.1 และใช้เช็คเอกสารหมาย จ.1 ปลอมดังกล่าว เห็นได้ว่ามีเจตนาแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน หาใช่กรรมเดียวกันดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาไม่”
พิพากษายืน

Share