แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสั่งซื้อกาแฟจากต่างประเทศก่อนมีประกาศควบคุมภายหลังมีประกาศควบคุม จำเลยได้ยื่นคำขอและได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิด
แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 16 ซึ่งบัญญัติเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่จำเลยจะต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วย จึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ 942/2503
ย่อยาว
คดีทั้ง 2 สำนวนศาลรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจร่วมกันนำเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศอันเป็นสินค้าต้องห้ามมิให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. 2482 มาตรา 3, 9 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2496 มาตรา 3 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16, 17 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ประกาศกระทรวงเศรษฐการเรื่องการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2505 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2505 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 8, 9 ริบของกลางให้จ่ายค่าสินบนและค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้สั่งซื้อกาแฟจากต่างประเทศก่อนมีประกาศห้ามนำสินค้ากาแฟเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อจำเลยทราบประกาศได้รีบขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนเรือบรรทุกเข้ามา และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ได้ขอเสียภาษีและรับกาแฟของกลางแต่เจ้าพนักงานศุลกากรกลับไม่อนุญาต จำเลยทั้ง 2 สำนวนจึงได้ฟ้องกรมศุลกากรกับพวกเป็นจำเลยซึ่งคดีกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาศาลแพ่งจำเลยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยสั่งกาแฟของกลางเข้ามาก่อนมีประกาศห้ามนำเข้า และได้ขวนขวายขอรับอนุญาตในโอกาสแรกที่ได้ทราบประกาศจนได้รับอนุญาตในวันเดียวกับที่เรือเข้ามาถึง กรณีเป็นเรื่องฉุกเฉินจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ถนัด ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 815/2483 และพฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อภาษีตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 942/2503 พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่มีพฤติการณ์หรือข้อเท็จจริงในคดีส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศหรือกฎหมาย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ โดยเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมาย 2 ข้อ คือการที่จำเลยได้รับอนุญาตหลังจากนำสินค้าที่ควบคุมเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่เป็นผลให้ใบอนุญาตนั้นลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อหนึ่ง และที่ศาลล่างวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดนั้น พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16บัญญัติให้ถือว่าเป็นความผิดโดยไม่คำนึงว่าผู้กระทำผิดมีเจตนาหรือไม่อีกข้อหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยสั่งซื้อกาแฟก่อนมีประกาศควบคุมและเมื่อทราบประกาศได้รีบยื่นขอรับอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 815/2483แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 บัญญัติให้เป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่นั้นก็ตาม แต่จำเลยต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วยจึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ 942/2503
พิพากษายืน