แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) ฯ มาตรา 35 บัญญัติให้บุคคลธรรมดาที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อครบ 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่พระราชบัญญัติดังกล่าวก็มีผลบังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งนอกจากจะไม่มีบทบัญญัติให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้ว มาตรา 34 ยังบัญญัติให้บรรดาคดีล้มละลายที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายซึ่งใช้อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติมาตรา 35 มาใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2534 และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2535 คดีถึงที่สุด
ต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน 2544 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายเกินกว่า 3 ปี แล้ว ขอให้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542มาตรา 35
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542 มาตรา 35 ที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้าง มีผลใช้บังคับเฉพาะคดีที่ฟ้องหลังจากพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ คือนับแต่วันที่ 22 เมษายน 2542 เป็นต้นไป แต่คดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย (ที่ถูกให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538 ดังนั้น กฎหมายตามที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างดังกล่าวข้างต้น จึงไม่มีผลบังคับถึงจำเลยที่ 2 ด้วย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลายมาครบ 3 ปีแล้ว มีสิทธิร้องขอให้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542 มาตรา 35 หรือไม่ เห็นว่า แม้พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542 มาตรา 35 จะบัญญัติให้บุคคลธรรมดาที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อครบ 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาก็ตาม แต่พระราชบัญญัติดังกล่าวก็มีผลบังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2542 จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน2542 เป็นต้นไป ซึ่งนอกจากจะไม่มีบทบัญญัติให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้ว มาตรา 34 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวยังบัญญัติให้บรรดาคดีล้มละลายที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังคงค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ซึ่งใช้อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดังนั้น แม้การเป็นบุคคลล้มละลายจะต้องถูกจำกัดตัดสิทธิและเสรีภาพบางประการในทางแพ่งก็ไม่อาจนำบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542 มาตรา 35 มาใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ เมื่อคดีของจำเลยที่ 2 เป็นคดีที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องตั้งแต่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542 มีผลใช้บังคับและอยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ได้ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายมาครบ 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้วก็ไม่มีสิทธิขอให้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542มาตรา 35 ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน