คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ ส. ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดชั้นเดิมละเลยไม่วางเงินมัดจำค่าซื้อทรัพย์ตามสัญญาจนเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องขายทอดตลาดอีกซ้ำหนึ่งและได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิมนั้น ส. ผู้สู้ราคาเดิมจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516 และการกระทำของ ส. ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 หาใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรืออำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของ ส. ถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ซึ่งผู้ร้องขอจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและจะต้องมีคำพิพากษาของศาลให้ส. ตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเสียก่อน ประกอบกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้นไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีอำนาจขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของ ส.โดยไม่ต้องฟ้องส.เป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน877,725.98 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 มกราคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์ที่จำเลยจำนองโจทก์ไว้และทรัพย์สินอื่นบังคับชำระหนี้จนครบ จำเลยทราบคำบังคับแล้วไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์จึงร้องขอบังคับคดี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2532 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 8713 แขวงบางขุนพรหมเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 40 ของจำเลยตามคำสั่งศาลปรากฏว่านางสบายดีเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดซื้อได้ในราคา1,020,000 บาท แต่นางสบายดีไม่วางเงินมัดจำค่าซื้อตามสัญญาเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวใหม่ผู้สู้ราคาสูงสุดเป็นผู้ซื้อรายใหม่ซื้อได้ในราคา 670,000 บาทและชำระราคาครบถ้วนแล้ว การขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งแรก เป็นเงิน 334,520 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้นางสบายดีนำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระ แต่นางสบายดีเพิกเฉย
เจ้าพนักงานบังคับคดีทำหนังสือยื่นต่อศาล ขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของนางสบายดีขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระส่วนที่ขาดจำนวน 334,520 บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีกฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะร้องขอให้บังคับคดีในกรณีเช่นนี้ ไม่อาจดำเนินการให้ได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์ พิพากษายกอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของนางสบายดีได้หรือไม่ เห็นว่า สาเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้น ขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของนางสบายดีก็เพราะนางสบายดีเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดชั้นเดิม แล้วละเลยไม่วางเงินมัดจำค่าซื้อตามสัญญาจนเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องขายทอดตลาดอีกซ้ำหนึ่ง และได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิม ซึ่งนางสบายดีผู้สู้ราคาเดิมจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 516 แต่การกระทำของนางสบายดีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 หาใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรืออำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ ประกอบกับการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ซึ่งผู้ร้องขอจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและจะต้องมีคำพิพากษาของศาลให้นางสบายดีตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเสียก่อน และเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใดเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีอำนาจขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของนางสบายดีโดยไม่ต้องฟ้องนางสบายดีเป็นคดีใหม่ได้
พิพากษายืน

Share