แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่ ว. เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการออกบัตรประจำตัวประชาชน โดยกรอกข้อความเท็จในแบบคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนและเสนอ ส. พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการให้แก่ ง. และ ก. โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ว. และ ส. ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้อื่น และประชาชนเป็นการกระทำผิดโดยมีเจตนาเพื่อช่วยเหลือบุคคลสองคนให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชน แม้จะกระทำในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่เจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละส่วนแยกต่างหากจากกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267 เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุก กระทงละ 6 เดือนรวมจำคุก 12 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม เห็นว่า จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่นายวิษณุ สังขพันธ์ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการออกบัตรประจำตัวประชาชนโดยกรอกข้อความเท็จในแบบคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชน และจำเลยนำแบบคำขอดังกล่าวเสนอนายสุเทพ ชัยวัฒน์ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการให้แก่ นายสง่า จันทรังสี และนางสาวกัลยานี แซ่จึง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายวิษณุ นายสุเทพซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้อื่น และประชาชน เป็นการกระทำผิดโดยมีเจตนาเพื่อช่วยเหลือบุคคลสองคนให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชน แม้จะกระทำในวันเดียวกันสถานที่เดียวกัน แต่เจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละส่วนแยกต่างหากจากกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม มิใช่กรรมเดียว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อต่อมาว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การกระทำผิดของจำเลยมีลักษณะร้ายแรง มีผลกระทบถึงความมั่นคงของประเทศ ตามรูปคดีไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน