แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องมุ่งขอบังคับตามสัญญาข้อ 8 คือ ค่าปรับร้อยละ 5 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งให้โจทก์ตามสัญญาเพียงกรณีเดียว มิได้ฟ้องขอบังคับเอาค่าเสียหายอย่างอื่นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายอุปกรณ์การสอนให้โจทก์รวม3 ครั้ง เป็นเงิน 167,905 บาท โดยสัญญาว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่นำสิ่งของมาส่งมอบให้ถูกต้องภายในกำหนดสัญญายอมให้โจทก์ปรับเป็นเงินร้อยละ 5ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งโดยคิดเป็นรายเดือนจนกว่าจะนำสิ่งของนั้น ๆมาส่งให้โจทก์จนครบถ้วน การซื้อขายรายการที่ 1 จำเลยที่ 1 มอบเงินไว้กับโจทก์ 1,250 บาทเป็นประกัน รายการที่ 2 ที่ 3 มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันให้ในวงเงิน 7,145.25 บาท ทำสัญญาแล้วจำเลยที่ 1 มิได้ส่งของแก่โจทก์เลย กลับขอเลิกสัญญาซึ่งโจทก์ยอมเลิกสัญญาโดยถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาและจะต้องถูกปรับร้อยละ 5 ของราคาของที่ยังไม่ส่งตามสัญญา รวมเป็นค่าปรับ 47,186.36 บาท ทวงถามแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ โจทก์จึงริบเงินประกันชดใช้เป็นส่วนหนึ่งของค่าปรับและเรียกร้องส่วนที่ยังค้างอยู่ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันใช้ค่าปรับที่ยังค้างพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี โดยให้จำเลยที่ 2 รับผิดเพียง 7,145.25 บาท และดอกเบี้ยนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ การที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเพียงริบเงินประกันตามสัญญาข้อ 7 หามีสิทธิปรับตามสัญญาข้อ 8ด้วยไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ โจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาข้อ 8 ได้ แต่โจทก์เรียกสูงเกินไป พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิปรับตามสัญญาข้อ 8 แต่จำเลยที่ 1ผิดสัญญา ก็ควรรับผิดให้ค่าเสียหายแก่โจทก์บ้าง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 11,604.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายอุปกรณ์การสอนให้โจทก์รวม 3 ครั้ง โดยสัญญาว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบสิ่งของแก่โจทก์ให้ถูกต้องภายในกำหนดสัญญา ยอมให้โจทก์ปรับเป็นเงินร้อยละ 5 ของราคาสิ่งของภายหลังทำสัญญาดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ 1 มิได้ส่งสิ่งของให้โจทก์เลยปัญหามีว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใดหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องและคำขอของโจทก์มุ่งประสงค์ขอบังคับตามสัญญาข้อ 8 คือค่าปรับร้อยละ 5 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งตามสัญญาให้โจทก์เพียงกรณีเดียวเท่านั้น ซึ่งค่าปรับตามสัญญาข้อ 8 นี้ได้ยุติแล้วโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์จะบังคับตามสัญญาข้อ 8 ไม่ได้ และโจทก์ก็มิได้ฎีกาในข้อนี้ ส่วนค่าเสียหายอย่างอื่น โจทก์มิได้ฟ้องและขอบังคับมาด้วยแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ