แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) บัญญัติว่า “เมื่อจำเลยมีที่อยู่ฯลฯ ในท้องที่หนึ่งนอกเขตศาลดังกล่าวแล้ว จะชำระที่ศาลซึ่งท้องที่นั้นอยู่เขตอำนาจก็ได้” นั้น มิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลซึ่งท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ ในเขตอำนาจจะรับชำระคดีนั้นหรือไม่ก็ได้ ความผิดที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา แต่จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลอาญา เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจรับหรือไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณาก็ได้
การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า “นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด….” ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2523)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารสหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสุรินทร์ชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าโจทก์ เช็คถึงกำหนดโจทก์เรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เหตุเกิดที่แขวงคลองตัน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และที่สหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จ.สุรินทร์ เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นสั่งในคำฟ้องว่า นัดไต่สวนมูลฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายนัด ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คอยู่ที่อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ฉะนั้น เหตุเกิดที่จังหวัดสุรินทร์ ไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาที่จะพิจารณาพิพากษา คดีไม่จำต้องไต่สวนมูลฟ้อง มีคำสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาในชั้นฎีกาว่าเมื่อความผิดเกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา และจำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลอาญา เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ศาลอาญาต้องรับฟ้องไว้พิจารณาหรือเป็นดุลพินิจที่จะรับหรือไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณา ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า เมื่อความผิดเกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย ให้ชำระที่ศาลที่ความผิดเกิดขึ้นอ้างหรือเชื้อว่าได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลนั้น ตามมาตรา ๒๒ วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนที่มาตรา ๒๒ (๑) บัญญัติว่า “เมื่อจำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ ในท้องที่หนึ่งนอกเขตศาลดังกล่าวแล้ว จะชำระที่ศาลซึ่งท้องที่นั้นๆ อยู่ในเขตอำนาจก็ได้” นั้น มิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลซึ่งท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ฯลฯ อยู่ในเขตอำนาจ จะต้องรับชำระคดีนั้นๆ แต่เป็นบทบัญญัติให้ดุลพินิจแก่ศาลซึ่งท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ อยู่ในเขตอำนาจจะรับชำระคดีนั้นหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น เมื่อความผิดคดีนี้เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา แต่จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลอาญา เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ศาลอาญาจึงมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจรับหรือไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณาได้ มีปัญหาต่อไปว่า การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า “นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด…” จะถือว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ชำระแล้วหรือยัง ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วมีมติว่า การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า “นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด…” ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา จึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน