คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและคนขับรถของโจทก์มีความประมาทเท่าๆกันค่าเสียหายของโจทก์จึงตกเป็นพับโจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวจำเลยแก้อุทธรณ์ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบแล้วปัญหาว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทด้วยหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาทคงฎีกาได้เพียงว่าคนขับรถยนต์ของโจทก์มีส่วนประมาทด้วยหรือไม่และเมื่อคดีฟังได้ว่าคนขับรถของโจทก์และจำเลยมีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันค่าเสียหายจึงเป็นพับกันไป

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ได้ ขับ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน น-2840มหาสารคาม ด้วย ความประมาท โดย ขับ ด้วย ความ เร็ว สูง ใน ขณะ ใกล้ ที่เกิดเหตุ เป็น โค้ง และ แคบ และ ขับ ล้ำ เส้น แบ่ง ช่อง เดินรถ เข้า ไปใน ช่อง เดินรถ ของ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน น-4380 มหาสารคามซึ่ง โจทก์ เป็น ผู้ครอบครอง และ มี นาย ยุทธนา เสนามาตย์ ขับ สวนทาง มา เป็นเหตุ ให้ ชน กับ รถยนต์ ที่นาย ยุทธนา ขับ มา ทำให้ รถยนต์ ที่ นาย ยุทธนา ขับ มา ได้รับ ความเสียหาย ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน 128,857 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับ ถัด จากวันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า เหตุ ที่ รถ ชนกัน เป็น เพราะ ความประมาท ของนาย ยุทธนา ผู้ขับ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน น-4380 มหาสารคาม ของ โจทก์ แต่เพียง ผู้เดียว ขอให้ ยกฟ้อง โจทก์
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหายแก่ โจทก์ 109,690 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี ในเงิน จำนวน ดังกล่าว นับแต่ กระทำ ละเมิด เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ ให้ โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลย ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ที่ ได้ นั่งพิจารณา คดี ใน ศาลชั้นต้น รับรองว่า มีเหตุ สมควร ที่ จะ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ได้
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่าโจทก์ เป็น ผู้เช่าซื้อ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน น-4380 มหาสารคามใน วันเกิดเหตุ นาย ยุทธนา บุตร โจทก์ ได้ ขับ รถยนต์ คัน ดังกล่าว จาก อำเภอ บรบือ ตาม ถนน สาย ท่าพระ-โกสุมพิสัย ไป ทาง จังหวัด ขอนแก่น ส่วน จำเลย ขับ รถยนต์ คัน หมายเลข ทะเบียน น-2840 มหาสารคาม จากจังหวัด ขอนแก่น ไป อำเภอ โกสุมพิสัย สวนทาง กับ รถยนต์ ที่นาย ยุทธนา ขับ เมื่อ รถยนต์ ทั้ง สอง คัน ได้ มา ถึง บริเวณ ทางโค้ง ใกล้ หมู่บ้าน หนองหญ้าแพรก แล้ว รถยนต์ ทั้ง สอง คัน ชนกัน เป็นเหตุ รถยนต์ คัน ที่ โจทก์ เช่าซื้อ ได้รับ ความเสียหาย
ที่ จำเลย ฎีกา ว่า จำเลย มิได้ เป็น ฝ่าย ประมาท ด้วย นั้น เห็นว่าคดี นี้ ศาลชั้นต้น ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย และ นาย ยุทธนา คนขับ รถ ของ โจทก์ มี ความประมาท เท่า ๆ กัน ค่าเสียหาย ของ โจทก์ จึง ตกเป็น พับพิพากษายก ฟ้องโจทก์ โจทก์ อุทธรณ์ แต่ ฝ่ายเดียว จำเลย แก้ อุทธรณ์ว่า คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น ชอบแล้ว ใน ปัญหา ที่ ว่า จำเลย เป็น ฝ่ายประมาท ด้วย หรือไม่ จึง เป็น อัน ยุติ ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น การ ที่จำเลย หยิบยก ปัญหา ดังกล่าว นี้ ขึ้น ใน ชั้นฎีกา ว่า จำเลย มิได้ ประมาทนั้น เท่ากับ เป็น การ โต้เถียง ข้อเท็จจริง ที่ ยุติ แล้ว ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลย จึง ไม่มี สิทธิ ฎีกา ใน ปัญหา ที่ ว่า จำเลย มิได้ เป็นฝ่าย ประมาท คดี คง มี ปัญหา ตาม ฎีกา ของ จำเลย เพียง ว่า นาย ยุทธนา คนขับ รถยนต์ คัน ที่ โจทก์ เช่าซื้อ มี ส่วน ประมาท ด้วย หรือไม่ ฟังได้ ว่านาย ยุทธนา ขับ รถ โดยประมาท เมื่อ ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่า ฝ่าย จำเลย ขับ รถ เบียด เข้า มา ใน ช่อง เดินรถ ของ ฝ่าย โจทก์ และนาย ยุทธนา คนขับ รถ ของ โจทก์ ขับ รถ โดย ความ เร็ว ใน ทางโค้ง จน บังคับ รถยนต์ ไม่อยู่ และ ชน กับ รถยนต์ ของ จำเลย จึง ฟังได้ ว่า นาย ยุทธนา คนขับ รถ ของ โจทก์ และ จำเลย มี ความประมาท ไม่ ยิ่งหย่อน กว่า กันค่าเสียหาย จึง เป็น พับ กัน ไป ฎีกา จำเลย ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

Share