คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด แบ่งบรรจุเป็น 2 ถุง ถุงละ 70เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ เมื่อจำเลยส่งมอบเมทเฟตามีนถุงแรกจำนวน 70 เม็ด แก่จ่าสิบตำรวจ ก. แล้ว แม้จำเลยจะถูกจับกุมทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงที่สอง เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาแก่จ่าสิบตำรวจ . ตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้ว และยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไป เพราะเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 ถุง เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้ตกลงซื้อจขายและจำส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ทั้งหมดในคราวเดียวกันนั้นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเพียง 100 เม็ด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 7 ปี รวมจำคุก 14 ปี คำให้การและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งมีโทษเท่ากัน ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 7 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันนั้น เป็นการวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ฟังข้อเท็จจริงมาว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด ให้แก่จ่าสิบตำรวจเกษมซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ และจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวซึ่งบรรจุถุงละ 70 เม็ด จำนวน 2 ถุง ติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจเกษม แต่เมื่อจำเลยส่งมอบไปแล้ว 1 ถุง จำนวน 70 เม็ด เจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลยทันทีและยึดเมทแอมเฟตามีนไว้ได้ทั้งหมด 2 ถุง เห็นว่า การที่จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด แล้วนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 ถุง ถุงละ 70 เม็ด ติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจเกษมซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ เมื่อจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงแรกจำนวน 70 เม็ด แก่จ่าสิบตำรวจเกษมแล้ว แม้จำเลยจะถูกจับกุมทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงที่สอง เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายและจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาแก่จ่าสิบตำรวจเกษมตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้ว และยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไปไม่ เพราะเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 ถุง เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้ตกลงซื้อขายและนำมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจเกษมทั้งหมดในคราวเดียวกันนั้นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว หาใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันดังฟ้องไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนกระทงเดียวนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share