แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นขอให้บวกโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้อีก 2 คดี แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง จึงมีผลเสมือนโจทก์มิได้กล่าวและมีคำขอให้บวกโทษจำคุกคดีเดิมเข้ากับโทษจำคุกคดีนี้ แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ และภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อีก ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องบรรยายหรืออ้างมาในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) หรือ (6) แต่อยู่ในดุลพินิจของศาลที่พิพากษาคดีนี้จะใช้อำนาจบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 บวกโทษจำคุกคดีนี้เข้ากับโทษจำคุกในคดีก่อนจึงชอบแล้ว และไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือ ที่มิได้กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 92 ริบของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ของศาลชั้นต้นจริง แต่คดีทั้งสองดังกล่าวศาลรอการลงโทษให้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (ที่ถูก ไม่ต้องระบุวรรคสอง) ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือนริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง ยกคำขอให้เพิ่มโทษเพราะข้อเท็จจริงในสำนวนที่โจทก์ขอ จำเลยยังไม่ได้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ของศาลอุทธรณ์ภาค 2 (ที่ถูกของศาลชั้นต้น) มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ รวมเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในระหว่างการนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ขอให้บวกโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้เป็นการไม่ชอบ เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีและหลงต่อสู้ ทั้งจำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวและศาลยังมิได้สอบถามจำเลยในประเด็นที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติม จึงไม่ควรที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องและศาลชั้นต้นยังมิได้สอบถามจำเลยในข้อที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็ได้เพียงพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องและให้ยกคำขอเพิ่มโทษของโจทก์ โดยมิได้พิพากษาเพิ่มโทษจำเลย แสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมดังที่จำเลยอ้างกรณีจึงไม่มีการอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมที่จะทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีและหลงต่อสู้หรือเป็นผลร้ายแก่จำเลยดังที่จำเลยอ้างแต่อย่างใดส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 บวกโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้เป็นการไม่ชอบเพราะเกินคำขอหรือเป็นข้อที่มิได้กล่าวในฟ้องนั้น เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องดังที่ได้วินิจฉัยมา จึงมีผลเสมือนโจทก์มิได้กล่าวและมีคำขอให้บวกโทษจำคุกคดีทั้งสองดังกล่าวเข้ากับโทษจำคุกคดีนี้ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตามสำนวนศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 ให้จำคุก 9 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2 ปี และภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อีก ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องบรรยายหรืออ้างมาในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือ (6) แต่อยู่ในดุลพินิจของศาลที่พิพากษาคดีนี้จะใช้อำนาจบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 บวกโทษจำคุกคดีนี้เข้ากับโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1426/2541 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1427/2541 ดังกล่าว จึงชอบแล้ว และไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง แต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยล้วนฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน