แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นคนต่างด้าวที่มีอายุเกิน 12 ปีแล้ว อยู่ในราชอาณาจักรไทยตลอดมาโดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5 จำเลย ต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ถ้าไม่มีก็เป็นความผิดซึ่งมาตรา 20 กำหนดโทษปรับเป็นรายปี ปีละไม่เกิน 500 บาท ตลอดเวลาที่จำเลยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จในแต่ละปีไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ความผิดในปีสุดท้ายจึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดหลายกรรมคือ
ก. จำเลยเป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติจีน สัญชาติจีน ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2489 โดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตั้งแต่อายุกว่า 12 ปี เริ่ม พ.ศ. 2494 ถึงปัจจุบัน คือปี 2521รวมเวลา 27 ปี
ข. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2519 เวลากลางวัน จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้บังอาจยื่นคำร้องขอรับบัตรประชาชนโดยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่นายพูลพงษ์พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับบัตรประชาชนประจำอำเภอเมืองพิษณุโลกว่าตนมีสัญชาติไทย ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่หลงเชื่อจึงออกบัตรประจำตัวให้กับจำเลยไป ทำให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวและรัฐเสียหาย
เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลกขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5, 20 พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495มาตรา 4 พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 มาตรา 17ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมีอายุความฟ้องร้อง 1 ปี คดีขาดอายุความเฉพาะที่เกิด 1 ปี คงลงโทษจำเลยได้เพียงในระยะหลังซึ่งยังอยู่ในอายุความฟ้องร้อง 1 ปีเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493มาตรา 5, 20 พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495ลงโทษปรับ 500 บาท และตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 กับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 3 เดือนปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเกี่ยวกับความผิดคนต่างด้าวไม่มีใบสำคัญประจำตัวและรับอุทธรณ์ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโจทก์ฟ้องเมื่อพ้น 1 ปี นับแต่วันกระทำผิด คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าความผิดฐานไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวปีสุดท้ายไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยเป็นคนต่าวด้าวมีอายุเกิน 12 ปีแล้ว และอยู่ในราชอาณาจักรตลอดมาจนบัดนี้โดยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว เห็นว่าตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 มาตรา 5 จำเลยต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ถ้าไม่มีก็เป็นความผิดซึ่งมาตรา 20 กำหนดโทษปรับเป็นรายปีปีละไม่เกิน 500 บาท ตลอดเวลาที่จำเลยไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวความผิดดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จในแต่ละปี ไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ความผิดปีสุดท้ายจึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น