คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6032/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โรงพยาบาลอุดรธานีได้ถ่ายสำเนาประวัติการรักษาตัวของบ.มอบให้ก.และก.ได้รายงานแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่1เมื่อวันที่16พฤศจิกายน2533ซึ่งตามรายงานดังกล่าวระบุว่าจากการตรวจสอบเชื่อได้ว่าบ.มีสุขภาพไม่สมบูรณ์ก่อนทำประกันอย่างแน่นอนและป่วยเป็นมะเร็งทั้งตามหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตจำเลยที่1ก็อ้างว่าแพทย์เคยวินิจฉัยว่าบ. ป่วยเป็นโรคมะเร็งของท่อน้ำดีจำเลยที่1ย่อมมีเหตุควรรู้ได้แล้วว่าบ. เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งและเคยได้รับการตรวจรักษามาแล้วแต่บ. ปกปิดความจริงดังกล่าวฉะนั้นจึงฟังได้ว่าจำเลยที่1ได้รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตั้งแต่วันที่16พฤศจิกายน2533ที่จำเลยที่1ได้รับรายงานของก. แล้วการที่จำเลยที่1บอกล้างสัญญาประกันชีวิตในวันที่19มิถุนายน2534จึงเกิน1เดือนนับแต่วันที่จำเลยที่1รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างได้จำเลยที่1จึงต้องแก้คดีตามคำท้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ในการรับประกันชีวิต มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้กระทำการแทน จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2533 นายบุญศรี เหนือจำทิศ ซึ่งเป็นสามีโจทก์ที่ 1 และเป็นบิดาของโจทก์ที่ 2 ได้เอาประกันชีวิตกับจำเลยที่ 1 ในวงเงิน 300,000 บาท เริ่มสัญญาในวันที่ 22พฤษภาคม 2533 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 มีกำหนด 33 ปี ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม 2533 นายบุญศรีเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดรธานี และถึงแก่ความตายในวันที่29 มิถุนายน 2533 ด้วยโรคตับวาย (มะเร็ง) โจทก์ทั้งสองไปติดต่อขอรับเงินตามกรมธรรม์จากจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามไม่ยอมจ่ายอ้างว่านายบุญศรีปิดบังเรื่องที่เคยเจ็บป่วยมาก่อนเอาประกันชีวิตขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวน 328,875 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 300,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า นายบุญศรีละเว้นไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงและแถลงข้อความอันเป็นเท็จในการขอเอาประกันชีวิตว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่เคยให้แพทย์ตรวจหรือเข้าสถานพยาบาลตรวจโลหิต ความดันปัสสาวะ เอกซเรย์ ตรวจหัวใจ หรือตรวจอย่างอื่น จำเลยที่ 1 หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงตกลงทำสัญญาประกันชีวิตนายบุญศรี จำเลยที่ 1เพิ่งทราบความจริงเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2534 ว่านายบุญศรีได้ทำสัญญาปกปิดข้อเท็จจริง อันเป็นสาระสำคัญในการทำสัญญาประกันชีวิต ในวันที่ 19 มิถุนายน 2534 จำเลยที่ 1 จึงมีหนังสือบอกล้างสัญญาไปยังโจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การต่อมาโจทก์ทั้งสองขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3ศาลชั้นต้นอนุญาต
ระหว่างพิจารณาโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ท้ากันให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นเดียวว่า จำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตระหว่างนายบุญศรี เหนือจำทิศกับจำเลยที่ 1 เกิน 1 เดือน แล้วหรือไม่ หากจำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างเกิน 1 เดือน แล้ว จำเลยที่ 1 ยอมแพ้และชดใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างไม่เกิน 1 เดือนโจทก์ทั้งสองยอมแพ้และไม่ติดใจเรียกร้องจากจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเกิน 1 เดือน พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน328,875 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 300,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเกิน 1 เดือน นับแต่วันรู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ทั้งสองนำสืบว่า ในคำร้องขอรับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ลงวันที่10 กรกฎาคม 2533 เอกสารหมาย จ.4 ระบุว่านายบุญศรีถึงแก่ความตายเพราะเป็นโรคมะเร็งในตับและข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำเบิกความของนายกิตติพงษ์พยานจำเลยที่ 1 ว่าโรงพยาบาลอุดรธานีได้ถ่ายสำเนาประวัติการรักษาตัวของนายบุญศรีมอบให้นายกิตติพงศ์และนายกิตติพงศ์ได้รายงานแจ้งไปยังสำนักงานใหญ่ของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2533ตามเอกสารหมาย ล.7 ซึ่งตามรายงานดังกล่าวระบุว่า จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่านายบุญศรีมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ก่อนทำประกันอย่างแน่นอนและป่วยเป็นมะเร็ง ทั้งตามหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเอกสารหมาย จ.12 จำเลยที่ 1 ก็อ้างว่าแพทย์เคยวินิจฉัยว่านายบุญศรีป่วยเป็นโรคมะเร็งของท่อน้ำดีจำเลยที่ 1 ย่อมมีเหตุควรรู้ได้แล้วว่านายบุญศรีเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งและเคยได้รับการตรวจรักษามาแล้ว แต่นายบุญศรีปกปิดความจริงดังกล่าวฉะนั้น จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2533 ที่จำเลยที่ 1ได้รับรายงานตามเอกสารหมาย ล.7 ของนายกิตติพงศ์แล้วการที่จำเลยที่ 1 บอกล้างสัญญาประกันชีวิตในวันที่ 19 มิถุนายน 2534จึงเกิน 1 เดือน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 รู้มูลเหตุที่จะบอกล้างได้จำเลยที่ 1 จึงต้องแพ้คดีตามคำท้าดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share