แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดในมูลละเมิดซึ่งเกิดจากการกระทำในทางการที่จ้างของลูกจ้างจำเลยที่ 1 แต่บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. ความจริงจำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ก. และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าไม่มีการจดทะเบียนในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. เช่นนี้ จึงเป็นเพียงโจทก์ฟ้องโดยเรียกชื่อประเภทนิติบุคคลของจำเลยที่ 1 ผิดไป มิใช่เป็นการฟ้องนิติบุคคลผิดตัว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ว.๑๗๓๑๑ ไว้จากนายพิสิษฐ วิมลสมบัติ จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดและเป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ กับได้ประกันภัยค้ำจุนรถคันดังกล่าวไว้ต่อจำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๒๑ นายชะแลง พิเนตรโชติ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวของจำเลยที่ ๑ ในทางการที่จ้างชนท้ายรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ว.๑๗๓๑๑ ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๑,๐๐๐ บาท โจทก์ได้จ่ายเงินดังกล่าวไปแล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิ ขอให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของคนขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ว.๑๗๓๑๑ เพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ ๒ ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฉ.ช. ๐๑๕๕๐ จากจำเลยที่ ๑ ค่าเสียหายหากมีก็ไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาท คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เหตุรถชนกันเกิดจากความประมาทของนายชะแลงลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิด ค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเงิน ๔๗,๐๐๐ บาท แต่สำหรับจำเลยที่ ๒ ฟังว่ารับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ ไว้จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการ มิใช่ห้างหุ้นส่วนจำกัดกังวาลบริการ ซึ่งเป็นบุคคลคนละคนกัน จึงไม่ต้องรับผิดให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ ๒ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเลยที่ ๒ รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ ไว้จากจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่ความจริงจำเลยที่ ๒ รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ ไว้จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการ ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดว่าจำเลยที่ ๑ กับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการมีชื่ออย่างเดียวกัน และที่ตั้งสำนักงานก็อยู่แห่งเดียวกัน ทั้งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ และเป็นนายจ้างของนายชะแลง พิเนตรโชติ กับนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดฉะเชิงเทราก็มีหนังสือแจ้งว่าไม่ได้รับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดกังวาลบริการ ย่อมเห็นได้โดยชัดแจ้งว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดกังวาลบริการซึ่งโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยที่ ๑ ก็คือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการนั่นเอง มิใช่ห้างหุ้นส่วนจำกัดกังวาลบริการซึ่งไม่มีตัวตนและมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ถึงแม้โจทก์จะเรียกประเภทห้างหุ้นส่วนผิดพลาดไปก็พอเข้าใจได้ เพราะนอกจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการแล้ว ก็ไม่มีห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นใดที่ใช้ชื่อเดียวกันและตั้งสำนักงานอยู่ในสถานที่เดียวกันอีก จำเลยที่ ๒ ผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ฉ.ช.๐๑๕๕๐ ไว้จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลกังวาลบริการจึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๒ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาแทนโจทก์ แต่ค่าทนายความให้เป็นพับ