คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601-603/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ราษฎรสองพวกแก่งแย่งกันเป็นเจ้าของที่ป่าแสม พวกหนึ่งได้ร้องถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสั่งให้กระทรวงเกษตราธิการจัดการไต่สวน กรรมการพิเศษที่กระทรวงเกษตราธิการตั้งออกไปทำการไต่สวนรายงานความเห็นว่า ควรแบ่งที่ป่าพื้นซึ่งวิวาทกันให้แก่ฝ่านที่ร้องถวายฎีกาตามแผนที่หมายสีเหลือง อีกพวกหนึ่งควรได้ตามแผนที่หมายสีเขียว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้เป็นไปตามความเห็นของกรรมการพิเศษนั้น ดังนี้พระบรมราชวินิจฉัยไม่ใช่พระราชทานกรรมสิทธิ เพราะขณะนั้นที่ดินยังเป็นป่าแสมทั้งตำบลเนื้อที่มากมาย มูลกรณีเดิมก็เป็นเรื่องจะแย่งกันหวงป่าไว้หาประโยชน์ทางตัดฟืน พระราชทานบรมราชวินิจฉัยให้แบ่งกันตามเส้นสีก็เพื่อจะระงับข้อพิพาทแบ่งแยกออกไปสองฝ่ายสองพวกมิให้ปะทะแก่งแย่งต่อกันและกัน แต่ที่จะได้สิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธ์ต่อไปนั้นจะต้องไปทำการบุกเบิกป่าให้เป็นประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยที่ดินต่อไป

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าราษฎรสองพวกแก่งแย่งกันเป็นเจ้าของที่ป่าแสม จังหวัดสมุทรปราการ โจทก์ทั้งสามสำนวนนี้กับคนอื่น ๆ ได้ทำการขุดคลองเข้าไปในป่าแสม แต่ทำไม่ตลอด พวกหลังได้มาขุดคลองต่อจากพวกเดิม ที่ขุดค้างไว้จนสำเร็จลุล่วงไปจะถือเอาเป็นของตนและขอให้เจ้าพนักงานออกใบไต่สวน พวกโจทก์มี ๒๙ รายชื่อร้องถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๆ ทรงสั่งให้กระทรวงเกษตราธิการจัดการไต่สวน กรรมการพิเศษที่กระทรวงเกษตราธิการตั้งออกไปทำการไต่สวนรายงานความเห็นว่าควรแบ่งที่ป่าผืนซึ่งวิวาทกันให้แก่ฝ่ายพวกโจทก์ ตามแผนที่หมายเส้นสีเหลือง อีกฝ่ายได้ตามแผนที่หมายเส้นสีเขียวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้เป็นไปตามความเห็นของกรรมการพิเศษนั้น ต่อมาโจทก์จึงเข้าชื่อร่วมกันโจทก์ฟ้องทั้งสามสำนวนหาว่าจำเลยแต่ละสำนวนเข้าแย่งกรรมสิทธิที่ดินของตนที่ได้รับพระราชทาน จึงขอห้ามอย่าให้เกี่ยวข้องกับถอนชื่อจำเลยออกจากใบไต่สวนแล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิต่อไป
จำเลยทั้งสามสำนวนต่อสู้เป็นใจความว่า ได้รับมรดกและได้ครอบครองมา
ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าพระบรมราชวินิจฉัยนั้นไม่ใช่พระราชทานกรรมสิทธิ และข้อครอบครองพะยานจำเลยมีน้ำหนักเชื่อกว่า พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาต่อมาทั้งสามสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่าพระบราราชวินิจฉัยไม่ใช่พระราชทานกรรมสิทธิ ขณะนั้นที่ดินยังเป็นป่าแสมทั้งตำบล เนื้อที่มากมายมูลกรณีเดิม เป็นเรื่องจะแย่งกันหวงป่าไม้ไว้หาประโยชน์ทางตัดฟืน พระราชทานบรมราชวินิจฉัยให้แบ่งกันตามเส้นสีก็เพื่อจะระงับข้อพิพาทแบ่งแยกออกไปเป็นสองฝ่ายมิให้ปะทะแก่งแย่งต่อกัน แต่ที่จะได้สิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิต่อไปนั้นก็จำต้องไปทำการบุกเบิกป่าให้เป็นประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยที่ดินต่อไป โจทก์ก็เข้าใจเช่นนี้จึงได้ไปขอใบไต่สวนในปี ๒๔๗๔ และเจ้าพนักงานขัดข้อง เพราะยังมิได้ทำประโยชน์ ในข้อครอบครองจำเลยสืบน่าเชื่อมากกว่า
พิพากษายืน

Share