คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทัณฑ์บนเป็นหนังสือที่ลูกจ้างเป็นฝ่ายทำให้แก่นายจ้างไว้เองด้วยความสมัครใจ โดยมีคำรับรองว่าลูกจ้างจะไม่กระทำผิดซ้ำอีกนายจ้างจึงไม่อาจที่จะบังคับลูกจ้างให้ทำหนังสือทัณฑ์บนไว้แก่ตนได้การที่นายจ้างทำหนังสือทัณฑ์บนขึ้นแต่ลูกจ้างไม่ยอมลงลายมือชื่อในหนังสือนั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง เมื่อนายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุนี้จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ขอให้จ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างชำระและค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่า เหตุที่เลิกจ้างเพราะโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา ซึ่งจำเลยได้ตักเตือนด้วยวาจาและเป็นหนังสือหลายครั้งแล้ว แต่โจทก์ยังเพิกเฉย ต่อมาจึงได้ตักเตือนเป็นหนังสือแต่โจทก์ไม่ยอมลงชื่อรับทราบคำเตือนและยังประพฤติตนเช่นเดิมจำเลยจึงมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 9,000 บาทค่าจ้างค้างชำระเป็นเงิน 1,800 บาท และค่าล่วงเวลาเป็นเงิน1,000 บาท ให้แก่โจทก์ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำของจำเลยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2529 ดำรงตำแหน่งพนักงานตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 3,000 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 1 ของเดือน ในระหว่างที่โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยโจทก์กระทำผิดต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยโดยมาทำงานสายเป็นประจำและนอนหลับในเวลาทำงาน จำเลยจึงลงโทษโดยสั่งให้โจทก์ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ แต่โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อในหนังสือทัณฑ์บนซึ่งจำเลยจัดทำขึ้นตามเอกสารหมายเลข ล.1 จำเลยถือว่าโจทก์ขัดคำสั่งของจำเลย ดังนั้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531จำเลยจึงมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยอาศัยเหตุดังกล่าว ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการเลิกจ้างซึ่งนายจ้างไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้างนั้น ได้แก่การเลิกจ้างเพราะเหตุที่ลูกจ้างได้กระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 ในกรณีที่ลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ลูกจ้างละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ หรือลูกจ้างละทิ้งการงานไปเสียเป็นต้นและเห็นว่าหนังสือทัณฑ์บนเป็นหนังสือที่ลูกจ้างเป็นฝ่ายทำให้แก่นายจ้างไว้เองด้วยความสมัครใจโดยมีคำรับรองว่าลูกจ้างจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก นายจ้างจึงไม่อาจที่จะบังคับลูกจ้างให้ทำหนังสือทัณฑ์บนไว้แก่ตนได้ ดังนั้น การที่จำเลยจัดทำหนังสือทัณฑ์บนตามเอกสารหมาย ล.1 ขึ้น แต่โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อในหนังสือดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุนี้กรณีไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างเพราะเหตุที่โจทก์ได้กระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเวลา 52 วันเป็นเงิน 4,200 บาท ให้แก่โจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางไม่ให้จำเลยรับผิดนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 4,200 บาท ให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share