คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติให้ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย ผู้ร้องจึงมีภาระการพิสูจน์.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินตามสัญญากู้ยืมพร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 70,032 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7235 และโฉนดเลขที่ 9444 ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และบ้านไม้สองชั้นเลขที่ 2/8บ้านไม้ชั้นเดียวเลขที่ 2/7 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 7235เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่พันจ่าอากาศเอกวันชัย สุภาชาติ และจำเลย สามีภริยาทำมาหาได้ร่วมกัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของพันจ่าอากาศเอกวันชัย สุภาชาติ ผู้ตาย ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 845/2528 ผู้ตายเป็นสามีของจำเลยโดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี พ.ศ. 2519 จำเลยได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้องภายหลังที่ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว จึงเป็นหนี้ส่วนตัวของจำเลยเองทรัพย์ที่โจทก์นำยึดดังกล่าวเป็นของผู้ตาย ไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธินำยึดบ้านและที่ดินดังกล่าว ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า บ้านและที่ดินที่ยึดไว้เป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลย ซึ่งทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างสมรส และมิได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัว แม้ในโฉนดที่ดินจะมีชื่อผู้ตายเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวและจำเลยได้ก่อหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องภายหลังจากที่ผู้ตายถึงแก่ความตายไปแล้ว โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงมีสิทธิที่จะยึดบ้านและที่ดินดังกล่าวซึ่งเป็นสินสมรสของจำเลยมาชำระหนี้ได้ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ปล่อยบ้านและที่ดินที่โจทก์นำยึดคืนแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บ้านและที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรสของผู้ตายกับจำเลย ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติให้เป็นสินสมรส หากผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 วรรคท้ายซึ่งบัญญัติว่าถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส เมื่อผู้ร้องนำสืบรับฟังไม่ได้ ผู้ร้องจึงต้องแพ้คดี แม้ว่าโจทก์จะไม่สืบพยานก็ตาม รูปคดีฟังได้ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลย จำเลยย่อมมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ดังกล่าวร่วมกับผู้ตาย โจทก์จึงมีสิทธินำยึดขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้แม้ว่าหนี้ดังกล่าวจะมิใช่หนี้ร่วมระหว่างผู้ตายกับจำเลยก็ตามผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share