คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847-849/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลย 3 คนเป็นรายสำนวน ถึงแม้รวมการพิจารณาก็ตาม การคำนวณทุนทรัพย์ที่จะฎีกาได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายสำนวน

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกนายลอ สิงห์งาม เป็นจำเลยที่ 1 นายซารูยี ประดับญาติจำเลยที่ 2 นายฮีม ประดับญาติ จำเลยที่ 3

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นทำนองเดียวกันว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อกล้วยหอมจากจำเลย ระหว่างทำสัญญานั้น จำเลยรับเงินมัดจำและซื้อสิ่งของเชื่อไปจากโจทก์และผู้แทนโจทก์หลายครั้ง สำนวนแรก รวมเป็นเงิน 7,934 บาท เมื่อหักค่ากล้วยที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,756 บาทแล้วจำเลยที่ 1 ยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 5,178 บาท จำเลยได้เซ็นชื่อรับสิ่งของที่ซื้อเชื่อดังกล่าวไว้ ปรากฏรายละเอียดตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง

สำนวนที่สอง จำเลยที่ 2 ซื้อสิ่งของเชื่อไปจากโจทก์และผู้แทนโจทก์รวมเป็นเงิน 7,535 บาท ปรากฏตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง

สำนวนที่สาม จำเลยที่ 3 ซื้อสิ่งของเชื่อไปจากโจทก์เป็นเงิน 4,047 บาท ปรากฏตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง

โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสามแล้ว แต่กลับเพิกเฉย จึงมาฟ้อง

จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้เป็นทำนองเดียวกันว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาขายกล้วยให้กับโจทก์ ไม่เคยซื้อของเชื่อจากโจทก์ ไม่เคยทำเอกสารตามสำเนาท้ายคำฟ้อง และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์มาก่อน จำเลยได้ทำสัญญาขายกล้วยหอมให้แก่บริษัทกล้วยหอมไทย จำกัด บริษัทฯ ได้จ่ายเงินบำรุงสวนแก่จำเลย เมื่อหักหนี้สินกันแล้ว จำเลยทั้งสามยังเป็นเจ้าหนี้บริษัทกล้วยหอมไทย จำกัด อยู่อีก ต่อมาบริษัทดังกล่าวเลิกล้มกิจการ โจทก์จึงอาศัยหลักฐานข้างต้นมาฟ้องจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีทั้งสามสำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกันมาสำหรับจำเลยที่ 3 จำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องมีจำนวนเพียง 4,047 บาท จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ จะต้องดูทุนทรัพย์แต่ละสำนวน เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 มีเพียง 4,047 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3 คงมีประเด็นเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share