แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของจำเลยตามที่อ้าง ไม่มีนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตรับรองและจำเลยเพิ่งจะยื่นเข้ามาในชั้นฎีกา ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 อาวุธปืนจำนวน 5 กระบอกตามฟ้องเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หาใช่อาวุธปืนที่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตตามใบอนุญาตของจำเลยที่แนบมาท้ายฎีกาไม่ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางจำนวน 5 กระบอกดังกล่าว อันเป็นอาวุธปืนที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิด ซึ่งศาลต้องมีคำสั่งให้ริบเสมอไปจึงชอบด้วยกฎหมาย หลักฐานที่จำเลยอ้างมาเพื่อขอให้รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษจำเลยไว้ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติด้วยดีตลอดมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี จนได้รับการยกย่อง จากทางราชการดัง ปรากฏตามหลักฐานดังกล่าว ถือได้ว่ามีเหตุอันควรปราณียังไม่สมควรที่จะให้จำเลยได้รับโทษถึงจำคุก เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป แต่ควรวางโทษปรับจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใด ๆ ขึ้นอีก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 55, 72, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522มาตรา 6, 8 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ลงวันที่1 กรกฎาคม 2522 ริบของกลางทั้งหมดยกเว้นอาวุธปืนพก ขนาด 9 มม.หมายเลขทะเบียน กท. 2712269 จำนวน 1 กระบอก
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ และฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,55, 72 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม, 78 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขแล้ว กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2522 ลงโทษฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนเครื่องกระสุนปืน และมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา78 จำคุก 2 ปี ริบของกลาง ยกเว้นอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. หมายเลขทะเบียน กท. 2712269 จำนวน 1 กระบอก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษา ซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในข้อ (1) ว่า จำเลยมีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนฉบับตัวจริงที่นายทะเบียนได้ออกให้จำเลยสำหรับอาวุธปืนตามฟ้องทุกกระบอก (ยกเว้นอาวุธปืนยาวอัดลมยี่ห้อครอสแมน) ตามใบอนุญาตเอกสารหมายเลข 1 ถึง 5 ที่แนบท้ายฎีกานั้น เห็นว่า ตามฟ้องระบุว่าจำเลยมีอาวุธปืนทั้งหมดรวม 5 กระบอกซึ่งใช้ยิงได้แต่เป็นปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หาใช่อาวุธปืนซึ่งมีหมายเลขทะเบียนตามที่ระบุในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังที่จำเลยฎีกาและแนบใบอนุญาตมาท้ายฎีกานี้ไม่นอกจากนี้ใบอนุญาตของจำเลยที่ฎีกามานั้น ไม่มีนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตรับรองมาและจำเลยเพิ่งจะยื่นเข้ามาในชั้นฎีกาถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ทั้งขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นพิจารณา แม้จำเลยจะอ้างว่าให้การรับสารภาพด้วยความสับสนและหลงผิด ก็รับฟังไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับฎีกาของจำเลยในข้อ (2)ก. ที่ว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางไม่ชอบและไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่าเมื่อฟังว่าอาวุธปืนจำนวน 5 กระบอก ตามฟ้องเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หาใช่อาวุธปืนที่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตตามใบอนุญาตของจำเลยที่แนบมาท้ายฎีกาไม่ ฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางจำนวน 5 กระบอกดังกล่าว อันเป็นอาวุธปืนที่มีผู้ใดมีไว้เป็นความผิด ซึ่งศาลต้องมีคำสั่งให้ริบเสมอไป จึงชอบด้วยกฎหมายฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อ (2)ข. ที่ว่าเครื่องกระสุนปืนตามคำฟ้อง เป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยเฉพาะกระสุนปืนเอ็ม 16 และกระสุนปืนคาร์บิน ซึ่งในเชิงพาณิชย์ เรียกว่า กระสุนปืนขนาด .223และ .30 ตามลำดับ โดยโจทก์ฟ้องอ้างว่า กระสุนปืนดังกล่าวเป็นชนิดและขนาดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงนั้น จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต เห็นว่า จำเลยมิได้กล่าวแก้มาแต่ศาลชั้นต้นเพิ่งหยิบยกขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ทั้งขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายที่ขอให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษจำเลยไว้โดยจำเลยได้อ้างถึงประวัติในการปฏิบัติหน้าที่ในการประกอบคุณงามความดี โดยได้รับแต่งตั้งจากทางราชการให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2505 ได้รับแต่งตั้งเป็นสารวัตรกำนันตำบลมวกเหล็กเมื่อปี 2507 ได้รับแต่งตั้งเป็นสารวัตรกำนันตำบลมิตรภาพปี 2514 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลมิตรภาพเมื่อปี 2518 ได้รับแต่งตั้งเป็นกำนันตำบลมิตรภาพเมื่อปี 2518ได้รับประกาศนียบัตรยกย่องจากการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้รับรางวัลชั้นที่หนึ่งของจังหวัดสระบุรีในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2507 ได้รับรางวัลเป็นกำนันยอดเยี่ยมชั้นที่สองเมื่อปี 2522 ได้รับรางวัลกำนันยอดเยี่ยมปี 2525 และได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลอีกหลายครั้ง ได้เข้ารับการอบรมทั้งในด้านการเมืองการสังคม ลูกเสือชาวบ้าน นายทะเบียนตำบล การฝึกอบรมคณะกรรมการสภาตำบล และโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ปรากฏตามเอกสารหมาย 19ถึง 26 มาประกอบสนับสนุนนั้น เห็นว่า ตามหลักฐานที่จำเลยอ้างมาโจทก์หาได้โต้แย้งคัดค้านประการใดไม่ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติด้วยดีตลอดมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี จนได้รับการยกย่องจากทางราชการดังปรากฏตามหลักฐานเอกสารดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่ามีเหตุอันควรปราณี ยังไม่สมควรที่จะให้จำเลยได้รับโทษถึงจำคุก เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใด ๆ ขึ้นอีก จึงควรวางโทษปรับจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 5,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 5,000 บาท จำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 2,500บาท ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดกระทงละ 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.