แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2500 จำเลยทำผิดฐานยุยงทหารให้ก่อการกำเริบโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและสมรรถภาพของกรมกองทหารเสื่อทราบลงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 115 จำเลยจะอ้างว่า การกระทำของจำเลยอยู่ในข่ายแห่ง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราช การแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2500 หาได้ไม่ เพราะ พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้ใช้แก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหาร ราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500
ย่อยาว
ได้ความว่า เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๐๑ จำเลยได้กล่าววาจายุยงทหารให้ก่อการกำเริบโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและสมรรถภาพของกรมกองทหารเสื่อมทราบลง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ๖ เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๕ วรรค ๒
จำเลยฎีกาได้แก่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น
(๑) ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงฝ่าฝืนต่อพยานหลักฐานในท้องสำนวนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีพยานมาให้การตามที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ฟัง การวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันมีอยู่ในท้องสำนวนแล้ว
(๒) จำเลยฎีกาว่า ากรกล่าวถ้อยคำปราศรัยของจำเลยแม้จะเกินเลยและไม่สมควรไปบ้าง การกระทำของจำเลยอยู่ในข่ายแห่ง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจบริหารเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ และว่าจำเลยเป็นนักการเมืองของพรรคการเมืองขบวนการไฮด์ปาร์ค จำเลยมีสิทธิเสรีภาพ โดยบริบูรณ์ในการหาเสียงให้แก่จำเลยและแก่พรรคการเมือง ในการรับเลือกตั้งภายในความมุ่งหมายและขอบเขตรัฐธรรมนูญตามแบบอย่างฎีกา ๖๓๑/๒๔๙๑
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่อยู่ในข่ายแห่ง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ที่จำเลยอ้างเพราะ พ.ร.บ. นี้ ใช้แก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ และว่าการโฆษณาหาเสียงในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนั้นย่อมเป็นสิทธิที่จำเลยกระทำได้ แต่ถ้าการใช้สิทธินี้ผิดกฎหมาย จำเลยก็ต้องมีความผิด ฎีกาที่จำเลยอ้างมาเป็นเรื่องการติชมรัฐบาล ไม่ตรงกับเรื่องนี้
ศาลฎีกาพิพากษายืน