แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยบอก พ. ว่าทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมกับยื่นหนังสือเดินทางปลอมให้ พ. ดู แล้วจำเลยเก็บหนังสือเดินทางปลอมนั้นไว้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเพื่อให้ พ. เชื่อว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริงตามที่จำเลยรับไปติดต่อทำหนังสือเดินทางให้โดยจำเลยรู้ว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม ดังนี้การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือว่าเป็นการใช้เอกสารปลอม จำเลยใช้หนังสือเดินทางซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมโดยแสดงต่อพ. เพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง เมื่อเอกสารนั้นได้ประทับรอยตราครุฑเล็กและรอยตรานูนครุฑใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศปลอม ถือได้ว่าเป็นการใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252ประกอบด้วยมาตรา 251 อีกบทหนึ่ง ให้ลงโทษตามมาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251,252, 264, 265, 268, 83 และริบหนังสือเดินทางของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252, 268 ลงโทษตามมาตรา 252 จำคุก3 ปี ริบหนังสือเดินทางของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ระวางโทษตามมาตรา 265 ให้จำคุก1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2528 เวลาประมาณ 7.45 นาฬิกา พันตำรวจโทโสภณ นาคามดี จับจำเลยได้พร้อมกับยึดหนังสือเดินทางของนางสาวพุทธา ซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอม และประทับรอยตราครุฑเล็ก และประทับรอยตราครุฑเล็ก รอยตรานูน ครุฑใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศปลอม
มีปัญหาตามฎีกาข้อแรกของจำเลยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดฐานปลอมเอกสาร ซึ่งปัญหานี้ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างพิพากษาว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานปลอมเอกสาร เป็นฎีกาที่ไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาข้อที่สองว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าจำเลยถือหนังสือเดินทางแทนนางสาวพุทธาเพื่อสำรองที่นั่งไม่ได้แสดงหนังสือเดินทางต่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้เอกสารปลอม เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาตรงกันว่า จำเลยบอกนางสาวพุทธาว่าทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับยื่นหนังสือเดินทางเอกสารหมาย จ.1 ให้ดูแล้วเก็บเอกสารนั้นการกระทำดังกล่าวเพื่อให้นางสาวพุทธาเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงตามที่จำเลยรับไปติดต่อทำหนังสือเดินทางให้ โดยจำเลยทราบว่าเป็นเอกสารปลอม การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการใช้เอกสารปลอมศาลล่างทั้งสองไม่ได้วินิจฉัยว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมต่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตอนที่ไปยืนยันการเดินทางกับเจ้าหน้าที่การบินเพื่อสำรองที่นั่งแต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นการใช้เอกสารราชการปลอมแล้วฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาข้อที่สามตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำผิดฐานใช้รอยตราปลอมหรือไม่ เห็นว่า จำเลยใช้เอกสารราชการปลอมโดยแสดงเอกสารนั้นต่อนางสาวพุทธาเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงเมื่อเอกสารนั้นได้ประทับรอยตราครุฑเล็กและรอยตรานูนครุฑใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศปลอม ถือได้ว่าเป็นการใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 แล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 252 อีกบทหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ให้จำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์