แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายแล้ว ในคดีนั้นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเท่านั้น คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกาพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียงแค่วันฟ้อง ดังนี้ แม้ปรากฏว่าจำเลยเพิ่งจะส่งมอบห้องพิพาทแก่โจทก์ โจทก์จะกลับมาฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับตั้งแต่วันฟ้องในคดีก่อนจนถึงวันจำเลยส่งมอบห้องพิพาทใหม่อีกไม่ได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องใหม่นี้ โจทก์มีทางจะเรียกรวมไปในคดีก่อน และศาลก็อาจพิพากษาให้จำเลยชำระได้อยู่แล้วเป็นฟ้องในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ได้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าและเรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยไว้ครั้งหนึ่งแล้ว คดีนั้นศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท และให้ชำระค่าเช่าอัตราเดือนละ 100 บาทตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2492 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2492 รวม 500 บาท กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์อีกเดือนละ 100 บาทตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม 2492 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 12 เดือนเป็นเงิน 1,200 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงิน 620 บาท (จำเลยวางศาลไว้แล้ว 1,080 บาท) นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จตามสำนวนแพ่งแดงที่ 221/2493 ของศาลชั้นต้น
บัดนี้โจทก์อ้างว่าจำเลยเพิ่งส่งมอบห้องพิพาทคืนให้โจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2495 เป็นเวลา 26 เดือน 20 วัน นับแต่วันฟ้องคดีเดิมนั้นต่อมา เป็นการละเมิด จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 100 บาทรวมเป็นเงิน 2,666 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยต่อสู้ว่า ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ ทั้งคดีขาดอายุความแล้ว จำเลยคงรับว่าได้ส่งมอบห้องพิพาทคืนให้โจทก์เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2495 จริง และทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยานบุคคล คงขออ้างแต่พยานเอกสาร
ศาลชั้นต้นเห็นว่าค่าเสียหายนี้โจทก์ฟ้องเรียกในคดีนี้ภายหลังวันฟ้องคดีเดิมซึ่งศาลยังมิได้วินิจฉัย ทั้งเหตุในคดีก่อนต่างกรรมต่างวาระกับคดีนี้ หาใช่เหตุอย่างเดียวไม่ ตราบใดที่จำเลยยังอยู่ในห้องพิพาท จำเลยก็มีโอกาสทำความเสียหายให้แก่โจทก์ได้ หากโจทก์ฟ้องเสียก่อนทราบเหตุที่ก่อให้เกิดความเสียหาย โจทก์ไม่มีทางทราบว่าเสียหายเท่าไร จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 คดียังไม่ขาดอายุความตามมาตรา 563 พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 100 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2493 ถึงวันที่ 22 กันยายน 2495 รวมเป็นเงิน 2,666 บาท พร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2493 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการละเมิดของจำเลยที่โจทก์อ้างเป็นกรรมเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่า ค่าเสียหายซึ่งจำเลยละเมิดสิทธิต่อโจทก์ในคดีก่อน แต่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งโจทก์มีทางจะเรียกค่าเสียหายนี้รวมไปในฟ้องคดีก่อนและศาลก็อาจพิพากษาให้จำเลยชนะได้อยู่แล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีก่อน จึงเป็นเรื่องฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ข้อคัดค้านเรื่องอายุความไม่ต้องวินิจฉัยต่อไป จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์