คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5119/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าเอกสารสัญญานายหน้าขายที่ดินเป็นสัญญาจ้างทำของหรือไม่และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าเอกสารดังกล่าวต้องปิดอากรแสตมป์อีกหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินอันเป็นมรดกของนายปลื้ม ทองนวน ที่จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก 1 แปลงและของจำเลยเอง 1 แปลงให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคในราคาไร่ละ25,000 บาท หากโจทก์ขายได้เกินกว่า 25,000 บาท จำเลยตกลงให้ราคาส่วนเกินแก่โจทก์ จากการจัดการชี้ช่องของโจทก์การประปาส่วนภูมิภาคตกลงซื้อที่ดินของจำเลยทั้งสองแปลงในราคาไร่ละ28,000 บาท การประปาส่วนภูมิภาคชำระราคาค่าที่ดินให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วเป็นเงิน 611,730 บาท เงินจำนวนดังกล่าวต้องจ่ายค่าบำเหน็จนายหน้าให้แก่โจทก์เป็นเงิน 65,542 บาท แต่จำเลยไม่ชำระ คิดดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 818 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน66,360 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน65,542 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกของนายปลื้มไม่เคยแต่งตั้งให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยกับการประปาส่วนภูมิภาคไม่ได้เกิดจากการจัดการชี้ช่องของโจทก์ หนังสือสัญญานายหน้าขายที่ดินเป็นเอกสารปลอม จำเลยและชาวบ้านที่ขายที่ดินเจรจาตกลงราคาซื้อขายกันโดยตรงกับการประปาส่วนภูมิภาค โดยโจทก์มิได้มีส่วนในการเจรจากำหนดราคาซื้อและขายแต่อย่างใด จำเลยเสนอขายในราคาไร่ละ28,000 บาท ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคตกลงที่จะซื้อในราคาดังกล่าวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายปลื้ม ทองนวนและฐานะส่วนตัวชำระเงินจำนวน 65,542 บาท(หกหมื่นห้าพันห้าร้อยสี่สิบสองบาท) พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันจดทะเบียนโอน (วันที่ 6 และ 27 สิงหาคม 2534)เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 30,150 บาท นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2534ของต้นเงินจำนวน 35,392 บาท นับแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยทั้ง 2 จำนวน รวมกันคิดถึงวันฟ้องจะต้องไม่เกิน 818 บาท ตามที่โจทก์ขอมา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสัญญานายหน้าขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.3 มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของของประเภทหนึ่ง เมื่อไม่ปิดแสตมป์ตามบัญชีอากรแสตมป์แห่งประมวลรัษฎากร จึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพิพากษาโดยเชื่อฟังสัญญานายหน้าตามเอกสารหมาย จ.3 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ปัญหาตามฎีกาดังกล่าวจะต้องวินิจฉัยก่อนว่า สัญญานายหน้าขายที่ดินตามเอกสารหมายจ.3 มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของประเภทหนึ่งหรือไม่ แต่ปรากฎว่าปัญหานี้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยและไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่าเอกสารหมาย จ.3ต้องปิดอากรแสตมป์อีกหรือไม่”
พิพากษายก ฎีกา จำเลย

Share