แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ครอบครองตลอดมาโจทก์ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินจำเลยทั้งสองโต้แย้งคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมออกโฉนดที่ดินพิพาทให้ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยหาจำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา60ไม่เพราะโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเจ้าพนักงานผู้ออกโฉนดที่ดิน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 157 ตำบลโคกสำโรงอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และได้ครอบครองอยู่จนถึงปัจจุบัน โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรังวัดออกโฉนดที่ดินในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันคัดค้านว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวเป็นที่สาธารณประโยชน์หนองน้ำแร้งและไม่ยอมรับรองแนวเขตให้ สำนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีจึงออกโฉนดให้แก่โจทก์ไม่ได้ และเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการสอบสวนเปรียบเทียบแล้วตกลงกันไม่ได้ ที่ดินของโจทก์ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 157ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์และให้จำเลยทั้งสองเพิกถอนคำคัดค้านการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ และให้รับรองแนวเขตภายใน 15 วันนับแต่วันที่พิพากษา หากไม่เพิกถอนและรับรองแนวเขตภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์หนองแร้งหรือหนองแล้งการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินการของเจ้าพนักงาน เพื่อเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์นำคดีมาฟ้องโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ครอบครองตลอดมา โจทก์ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินจำเลยทั้งสองโต้แย้งคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมออกโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เช่นนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง โดยหาจำต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเจ้าพนักงานผู้ออกโฉนดที่ดินแต่เนื่องจากศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นที่ว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่และคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี