คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลยแต่ให้ยกโทษจำคุกเสียคงปรับสถานเดียวไม่เรียกว่าลงโทษจำคุกจำเลยดังนี้ จึงยกโทษจำคุกที่เคยรอการลงอาญาไว้มาลงแก่จำเลยไม่ได้ และเมื่อปรากฎว่าจำเลยยังอยู่ในระหว่างรอการลงอาญายังเรียกไม่ได้ว่าพ้นโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา 32 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความตามโจทก์หาและจำเลยให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๔๙๕ เวลากลางคืน จำเลยใช้ไม้ทำร้ายร่างกายนายบุญมีมีบาดเจ็บ ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาลงโทษฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บจำคุก ๑๕ วัน แต่ให้รอการลงอาญาไว้ยังไม่เกิน ๕ ปีมาครั้งหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔ ให้จำคุก ๑ เดือนปรับ ๑๐๐ บาทจำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑๕ วันปรับ ๕๐ บาท โทษจำคุกให้ยกตามมาตรา ๔๐ คงปรับสถานเดียวจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุก จึงเอาอาญาที่รอไว้มาลงไม่ได้และจะเพิ่มโทษตามมาตรา ๓๒ ก็ไม่ได้ เพราะจำเลยยังไม่พ้นโทษครั้งก่อน
อัยการและนายบุญมีโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ และลงอาญาที่รอการลงอาญาไว้กับเพิ่มโทษจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
อัยการโจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลยแต่ให้ยกโทษจำคุกเสียคงปรับสถานเดียวไม่เรียกว่าลงโทษจำคุกจำเลย ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๔๔๔ หมายถึงจำเลยต้องคำพิพากษาลงโทษจำคุกจริง ๆ จึงจะยกโทษจำคุกที่เคยรอการลงอาญาไว้มาลงแก่จำเลย และเมื่อจำเลยยังอยู่ในระหว่างรอการลงอาญาเช่นนี้ยังไม่เรียกว่าพ้นโทษคดีก่อนมาแล้ว จึงเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้
พิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์

Share