คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6002/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะอ้างว่าจำเลยทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ถึง 2 ครั้ง เป็นการกระทำก่อนฟ้องถึง 14 ปีและ 4 ปีตามลำดับ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย และคงอยู่ด้วยกันตลอดมา ถือว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้วสิทธิฟ้องหย่าของโจทก์ย่อมหมดไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1518.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สมรสกับจำเลยและอยู่กินฉันสามีภรรยา มีบุตรด้วยกัน 2 คน ระหว่างอยู่ร่วมกันจำเลยเป็นคนมีอารมณ์โกรธง่ายหึงหวงอย่างรุนแรง เคยใช้อาวุธปืนพยายามฆ่าโจทก์ถึง 2 ครั้งปลอมลายมือชื่อโจทก์สร้างหนี้สินมากมายทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงและเสียหาย เหยียดหยามบุพการีของโจทก์และกีดกันมิให้โจทก์ส่งเสียเลี้ยงดูบุพการี ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงโจทก์กับจำเลยจึงแยกกันอยู่ฉันสามีภรรยาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม2527โดยโจทก์ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง การกระทำของจำเลยถือว่าจงใจทิ้งร้างโจทก์และกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงจนไม่อาจอยู่กินฉันสามีภรรยาต่อไปได้ ขอให้พิพากษาโจทก์หย่าขาดกับจำเลยนับแต่วันฟ้อง หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนหย่าขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้บุตรทั้งสองอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรง หรือจงใจละทิ้งร้างโจทก์ตลอดจนไม่เคยกระทำการใด ๆ ตามฟ้องโจทก์ จำเลยเป็นฝ่ายอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองตลอดมา โดยโจทก์ไม่เคยเลี้ยงดู เพียงแต่ให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบ้างเป็นจำนวนไม่แน่นอน ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาให้บุตรทั้งสองอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยกับให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองเป็นรายเดือน ๆ ละ4,000 บาท นับแต่บัดนี้ไปจนกว่าบุตรทั้งสองจะสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุด
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยมีความประพฤติไม่ดีและจำเลยไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เด็กหญิงกุลโสภิต ประสงค์สิน และเด็กหญิงสุพรรณรัตน์ ประสงค์สิน บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของจำเลย ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 1,500 บาทต่อหนึ่งคน นับแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2529 จนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยประเด็นแรกว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกิน 1 ปีหรือไม่ เห็นว่าตามฟ้องโจทก์บรรยายไว้ว่า โจทก์แยกกันอยู่กับจำเลยตั้งแต่วันที่6 สิงหาคม 2527 เป็นต้นมาโดยจำเลยไม่ได้ไปมาหาสู่โจทก์ และโจทก์ก็มิได้ไปหาจำเลยฉันสามีภรรยา ตามฟ้องโจทก์ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ 2 ครั้ง เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงนั้นเห็นว่า แม้จะเป็นความจริงดังที่โจทก์ฎีกา แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า เหตุเกิดเมื่อปี 2515 และ 2525 ก่อนฟ้องประมาณ 14 ปีและ 4 ปี ตามลำดับ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยคงอยู่กินด้วยกันตลอดมา บ่งแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้ว สิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1518 ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน.

Share