แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสองศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก โจทก์ฎีกาว่า ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยเมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาว่าในขณะจำเลยกระทำความผิดนั้น จำเลยมิได้กระทำต่อหน้าธารกำนัลโดยจำเลยอยู่กับผู้เสียหายโดยลำพังในห้อง การกระทำของจำเลยก็มิได้เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัส จึงเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281 และคดียังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์เสียก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้กระทำชำเราผู้เสียหายเพียงคนเดียวการกระทำของจำเลยไม่เป็นการโทรมหญิง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก วางโทษจำคุก 5 ปี คำเบิกความรับของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 5 คงจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีอายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดโทษให้1 ใน 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาว่า ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ โจทก์จำเลยไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัย ประกอบข้อที่โจทก์ฎีกาว่าไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาว่าในขณะที่จำเลยกระทำความผิดนั้น จำเลยมิได้กระทำต่อหน้าธารกำนัลโดยจำเลยอยู่กับผู้เสียหายโดยลำพังในห้อง การกระทำของจำเลยก็มิได้เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัส จึงเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281และคดียังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ”