แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถยนต์ไม่ใช่ทรัพย์ที่อยู่ในบังคับตามมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อแต่ขณะทำสัญญาซื้อขายกันโดยมิต้องไปโอนทะเบียน ส่วนการโอนทะเบียนรถยนต์ตามกฎหมาย เกี่ยวกับทะเบียนรถยนต์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่จะควบคุมยานพาหนะและภาษีรถยนต์ มิใช่แบบของนิติกรรมแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตและริบรถยนต์ของกลางที่ใช้กระทำความผิดนายจบหรือประจบผู้ร้องยื่นคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยกระทำผิด ขอให้สั่งคืน
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า รถยนต์ของกลางจำเลยที่ 1 ขายให้ผู้ร้องไปแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายรถยนต์ของกลางระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 เสร็จเด็ดขาดและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางย่อมโอนไปยังจำเลยที่ 1 ขณะทำสัญญากันแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2519 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453, 458 โดยมิต้องโอนทะเบียนกัน เพราะรถยนต์ไม่ใช่ทรัพย์ที่อยู่ในบังคับตามมาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนการโอนทะเบียนรถยนต์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่จะควบคุมยานพาหนะและภาษีรถยนต์ ไม่ใช่แบบของนิติกรรมแต่อย่างใด
พิพากษายืน