แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกและผู้เสียหายกับพวกวิวาทชกกันเพราะเหตุไม่ชอบหน้ากัน เสื้อที่พาดไว้ที่ไหล่ผู้เสียหายตกลงที่พื้น โดยจำเลยมิได้กระชากยื้อแย่งจากตัวผู้เสียหาย แล้วจำเลยหยิบเอาเสื้อของผู้เสียหายวิ่งหนีไปขึ้นรถประจำทางภายหลังที่การชกต่อยกันสิ้นสุดลงแล้ว เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาลักเอาเสื้อดังกล่าวภายหลังที่เสื้อตกลงที่พื้นแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 334 และ 391 หาใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงทรัพย์เสื้อ 1 ตัวราคา 120 บาท ของนายสุทธิศักดิ์ ดอกไม้ ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยชกที่บริเวณกกหูของผู้เสียหาย 1 ครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339
จำเลยให้การว่าได้ชกกกหูผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย6 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ผิดตามมาตรา 391 ปรับ600 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี ปรับ 400 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…มีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์มีนายสุทธิศักดิ์ดอกไม้ ผู้เสียหายเบิกความว่าพบจำเลยกับพวก 6-7 คน ซึ่งเป็นพวกวัยรุ่นที่ใกล้น้ำพุในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวเพียงแต่สบตากันเมื่อออกนอกห้างจำเลยกับพวกก็หาเรื่องชกผู้เสียหายและยื้อแย่งเอาเสื้อฝึกงาน 1 ตัวราคา 120 บาท ที่ผู้เสียหายสวมอยู่ไป จำเลยถูกจ่าสิบตำรวจประทีป กริวัฒน์ ซึ่งรักษาการณ์อยู่ในบริเวณหน้าห้างดังกล่าวจับได้บนรถประจำทาง ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าได้เกิดวิวาทกันขึ้นระหว่างจำเลยกับพวกและผู้เสียหายกับพวกผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนีไป เสื้อผู้เสียหายตกลงที่พื้น จำเลยหยิบเสื้อขึ้นเพื่อจะคืนให้ผู้เสียหายจ่าสิบตำรวจประทีป พยานโจทก์เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นกลุ่มวัยรุ่น 3-4 คนชกต่อยกันที่บริเวณหน้าห้าง และร้อยตำรวจเอกนริศร์ นักสอน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินพยานโจทก์เบิกความว่า ผู้เสียหายบอกว่าเสื้อฝึกงานพาดคลุมอยู่ที่ไหล่ ไม่ได้สวมใส่แต่อย่างใดเจือสมข้อต่อสู้ของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า จำเลยกับพวกและผู้เสียหายกับพวกได้วิวาทชกกันขึ้นเพราะเหตุไม่ชอบหน้ากัน เสื้อฝึกงานที่พาดไว้ที่ไหล่ผู้เสียหายตกลงที่พื้น โดยจำเลยหาได้กระชากยื้อแย่งจากตัวผู้เสียหายไม่ที่ผู้เสียหายว่า จำเลยว่าเสื้อสวยจริงและขอเสื้อนั้น ก็ไม่มีพยานโจทก์เบิกความสนับสนุน ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะพูดเช่นนั้น การที่จำเลยหยิบเอาเสื้อฝึกงานของผู้เสียหายวิ่งหนีไปขึ้นรถประจำทางภายหลังที่การชกต่อยกันสิ้นสุดลงแล้วแสดงว่าจำเลยมีเจตนาลักเอาเสื้อของผู้เสียหายภายหลังที่เสื้อตกลงที่พื้นแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และลดโทษเพราะคำรับชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน’.