แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่พิพาทซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้เป็นของผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึด ในวันพิจารณานัดแรกศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบว่าตามคำร้องของผู้ร้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้เสียค่าขึ้นศาลก่อน ผู้ร้องเพียงแต่แถลงต่อศาลว่ายังไม่อาจทราบได้แน่นอนว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด ขอเลื่อนไปเพื่อจะไปสืบราคาปานกลางจากเจ้าพนักงานที่ดินและจะนำเงินค่าขึ้นศาลมาเสียในนัดหน้าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อมและนัดไต่สวนพยานผู้ร้องถึงวันนัดผู้ร้องแถลงว่าสอบราคาแล้วราคาปานกลางประมาณสองล้านบาท แต่ยังหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางไม่ได้ขอเลื่อนคดีดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องจงใจขัดขืนไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลจึงไม่เป็นการทิ้งฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย ต่อมาผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดที่ 267 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกาจังหวัดกาญจนบุรี ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้เป็นของผู้ร้องทั้งสองกับพวก ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้ถอนการยึด แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำร้อง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้ถอนการยึดและคืนทรัพย์ที่ยึดแก่ผู้ร้องทั้งสองกับพวก
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 27 เมษายน 2527 ถึงวันนัดเห็นว่าตามคำร้องเป็นเรื่องพิพาทกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงให้คู่ความทราบเพื่อเสียค่าขึ้นศาลก่อนตามจำนวนทุนทรัพย์ ผู้ร้องแถลงว่าเนื่องจากยังไม่อาจทราบได้แน่นอนว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด ขอเลื่อนการพิจารณาไป โดยผู้ร้องจะสืบหาราคาจากเจ้าพนักงานที่ดินและจะนำเงินค่าขึ้นศาลมาวางในนัดหน้า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมและไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 12 มิถุนายน 2527 ถึงวันนัดผู้ร้องแถลงว่าราคาปานกลางของที่พิพาทประมาณสองล้านบาทผู้ร้องยังหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางศาลไม่ได้ขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาวางตามที่ได้กำหนดไว้ในนัดก่อน ถือว่าทิ้งคำร้อง มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา132(1), 174(2)
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องยังไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาวาง มิได้เกิดจากความไม่เอาใจใส่หรือละเลย หรือไม่นำพา ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องเพราะเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(2) พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องนำค่าขึ้นศาลมาวางต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำพิพากษา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า ผู้ร้องมิได้เอาใจใส่ทั้งที่มีเวลาพอสมควรที่จะหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางศาลได้ ละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งศาลไม่นำพยานมาให้ศาลไต่สวนตามที่ศาลนัดไว้ และมิได้ขอเลื่อนกำหนดระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาล ถือได้ว่าผู้ร้องทิ้งคำร้องนั้น เห็นว่าในวันพิจารณานัดแรกศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบว่าตามคำร้องของผู้ร้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้เสียค่าขึ้นศาลก่อน และผู้ร้องเพียงแต่แถลงต่อศาลว่ายังไม่อาจทราบได้แน่นอนว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด ขอเลื่อนไปเพื่อจะไปสืบราคาปานกลางจากเจ้าพนักงานที่ดินและจะนำเงินค่าขึ้นศาลมาเสียในนัดหน้าศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อมและนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง ถึงวันนัดผู้ร้องแถลงว่าสอบราคาที่ดินแล้ว ราคาปานกลางประมาณสองล้านบาท แต่ยังหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางศาลไม่ได้ ขอเลื่อนสักครั้ง ฟังได้ว่าเป็นการขอเลื่อนการชำระค่าขึ้นศาลและสืบพยานผู้ร้อง ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องจงใจขัดขืนไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลจึงไม่เป็นการทิ้งฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ’.