คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5994/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลคืนรถยนต์บรรทุกของกลางและขอให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราว และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ร้องขอคืนของกลางออกจากสารบบความโดยให้รอไว้พิจารณาเมื่อคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่และขอริบรถยนต์บรรทุกของกลางถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีของผู้ร้องเสร็จสิ้นไป เพราะต้องมีการไต่สวนคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องอีก กรณีต้องด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 196 ที่ห้ามผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแก่คดี.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปเก็บรักษาไว้ในระหว่างพิจารณาคดีโดยผู้ร้องยินยอมให้หลักประกัน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกของกลางผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิบสี่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องที่ขออนุญาตนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปเก็บรักษาไว้ในระหว่างพิจารณาคดี
วันนัดไต่สวนโจทก์คัดค้านว่า โจทก์มีความจำเป็นต้องเก็บรักษารถยนต์บรรทุกของกลางไว้เพื่อประกอบเป็นพยานหลักฐาน และพนักงานสอบสวนดูแลรักษารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นอย่างดี หากเก็บรักษาไว้กับพนักงานสอบสวนจะไม่ได้รับความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายเกินส่วนกับค่าของทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคท้าย จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกหกล้อไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดีได้ โดยตีราคาหลักประกันไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โดยวางข้อกำหนดเงื่อนไขดังนี้
1. ห้ามมิให้ผู้ร้องทำการขาย ให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือจำหน่ายจ่ายโอนด้วยประการใดๆ สำหรับรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่บุคคลภายนอก
2. ผู้ร้องจะต้องใช้ความระมัดระวังสงวนรักษาทรัพย์สินของกลางไว้เสมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง
3. ห้ามมิให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางที่ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องนำไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวนำกลับมาใช้ในการกระทำความผิดอย่างอื่นหรือในลักษณะเดียวกันอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่มีการชุมนุมคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย – มาเลเซีย ที่บริเวณลานหอยเสียบ ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
หากผู้ร้องปฏิบัติผิดข้อกำหนดที่ศาลกำหนดไว้ทั้งหมดหรือบางส่วน ศาลอาจจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งเดิม และจะพิจารณาเกี่ยวกับหลักประกันตามที่ศาลจะเห็นสมควรแก่พฤติการณ์
วันฟังคำสั่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องออกจากสารบบชั่วคราว โดยให้รอไว้พิจารณาเมื่อคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่และขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 195/2546 ของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับว่า ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลคืนรถยนต์บรรทุกของกลาง ให้แก่ผู้ร้องและขอให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปเก็บรักษาไว้ในระหว่างพิจารณาคดีศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีคำร้องขอคืนของกลางออกจากสารบบความโดยให้รอไว้พิจารณาเมื่อคดีอาญาหมายเลขดำที่ 195/2546 ของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้วตามรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ 8 สิงหาคม 2546 ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีของผู้ร้องเสร็จสิ้นไป เพราะจะต้องมีการไต่สวนคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องอีก กรณีต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ที่ห้ามผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้วินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีผลให้ผู้ร้องมีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 และยกฎีกาของผู้ร้อง

Share