คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องกล่าวบรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยหลายประการและโจทก์สืบได้สมบ้างไม่สมบ้างเมื่อการกระทำที่ฟังได้สมฟ้องนั้นเป็นการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องแล้วศาลย่อมลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จะถือว่าเป็นกรณีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจขับรถยนต์ไปในถนนหลวงด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีกล่าวคือจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้นำเอารถยนต์มาขับขี่ในถนนหลวงอย่างไม่มีความชำนาญพอและจำเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคือ จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถยนต์ของนายประพัตร อินทะพันธ์โดยไม่ใช้แตรขอทาง และรอให้รถคันหน้าได้เสียก่อนจำเลยขับแซงขึ้นไปเป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับไปชนเอาท้ายเบียดด้านข้างรถยนต์ซึ่งนายประพัตรขับอยู่ข้างหน้าเสียหลักคว่ำลง เป็นเหตุให้นายประพัตรตายและผู้อื่นอีก 9 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 32 พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2481 มาตรา 4

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราที่ระบุไว้ท้ายฟ้อง แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก 4 ปี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนท้ายรถยนต์ของนายประพัตร แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง ต้องกันมาว่ารถที่จำเลยขับมิได้ชนท้ายรถของนายประพัตร เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ชอบที่จะยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า จำเลยขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่และขับแซงขึ้นหน้ารถของนายประพัตรโดยมิได้ให้สัญญาฯขอทาง และนายประพัตรยังมิได้ให้สัญญาณให้แซงได้ รถของจำเลยที่ขับแซงขึ้นไปจึงเบียดและปะทะกับรถของนายประพัตร เป็นเหตุให้รถของนายประพัตรคว่ำลง ฟังได้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลย ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตาม และเห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องกับข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณายังไม่พอจะถือว่าข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เป็นเรื่องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยหลายประการ และโจทก์สืบได้สมบ้างไม่สมบ้าง ที่นำสืบได้ก็คือจำเลยขับรถยนต์แซงขึ้นหน้ารถยนต์ของนายประพัตร และเบียดข้างรถของนายประพัตรทำให้คว่ำลงซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องส่วนที่ศาลไม่ฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์ชนท้ายรถนายประพัตรก่อนก็เป็นเรื่องที่โจทก์สืบไม่สมในข้อนี้ แต่ถึงอย่างไรการที่จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถของนายประพัตรโดยไม่ให้สัญญาณขอทางและเบียดข้างรถของนายประพัตรคว่ำลง ก็เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share