คำสั่งคำร้องที่ 1698/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา หากหลักฐานของจำเลยได้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีการบังคับคดีในระหว่างฎีกาจะเป็นการเสียหายกับจำเลยอย่างมากโปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 283)
สืบเนื่องจากจำเลยทั้งห้าไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งห้าขาดนัดพิจารณา และสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าชำระหนี้ให้โจทก์จำนวน985,691.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งห้าขาดนัดโดยจงใจ ไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ อีกทั้งจำเลยที่ 3 ที่ 5 ไม่ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15 วันนับจากวันที่ครบกำหนดในการปิดคำบังคับ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นและมีคำสั่งให้มีการพิจารณาคดีใหม่ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ทนายจำเลยยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 276,275)
ก่อนการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิจะได้รับจากกรมชลประทานเฉพาะจำนวน1,203,630 บาท ซึ่งจำเลยทั้งห้าจะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาล โดยให้กรมชลประทานส่งเงินดังกล่าวแก่ศาลตามคำร้องของโจทก์แต่ต่อมาจำเลยที่ 2 และที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอนำหนังสือค้ำประกันจนคดีถึงที่สุดของธนาคารในวงเงินไม่เกิน 1,203,630 บาทมาวางต่อศาลชั้นต้น โดยขอให้ส่งเงินที่อายัดมาจากกรมชลประทานกลับคืนศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับหนังสือค้ำประกันของธนาคารดังกล่าว ให้เพิกถอนคำสั่งอายัด และให้ส่งเงินจำนวน 1,203,630 บาทไปยังกรมชลประทาน
จำเลยทั้งห้าขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้งดการบังคับคดีไว้ โดยให้จำเลยวางหลักประกันต่อศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ถือหลักประกันเดิมคือหนังสือค้ำประกันของธนาคารในวงเงิน 1,203,630 บาท ซึ่งได้วางไว้ต่อศาลแล้วมาเป็นหลักประกันตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถือตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารดังกล่าว กับสั่งให้จำเลยนำเงินมาวางเพิ่มให้ครบตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้ด้วยว่า หากจำเลยไม่วางหลักประกันและไม่มาศาลตามกำหนดถือว่าไม่ติดใจทุเลาการบังคับ ครั้นถึงวันนัดพิจารณาหลักประกัน
จำเลยที่ 2 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอเลื่อนการวางหลักทรัพย์เพิ่มออกไปอีกศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่ติดใจทุเลาการบังคับ ให้ยกคำร้องตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ ต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีและมีหนังสือแจ้งให้ธนาคารส่งเงินตามหนังสือค้ำประกันต่อศาลตามคำร้องของโจทก์
จำเลยที่ 2 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ธนาคารนำเงินตามหนังสือค้ำประกันมาวางศาล ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ปรากฏต่อมาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 4 ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางหลักทรัพย์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 2 ที่ 4 นำเงินหรือหลักทรัพย์ประกันสำหรับจำนวนเงินที่เป็นหลักประกันเพิ่มเติมมาวางต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษา และศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 4 ฟังแล้ว แต่ไม่ปรากฏการวางหลักประกันเพิ่มของจำเลยที่ 2 ที่ 4 ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ที่ 4 ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ธนาคารนำเงินตามหนังสือค้ำประกันมาวางศาล แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
เนื่องจากพิพากษาคดีที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่แล้ว

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา

Share