คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้น จำเลยจะตั้งในกระทำให้เกิดเสียหายแก่ทรัพย์โดยตรงหรือไม่นั้นไม่สำคัญเพียงแต่การกระทำนั้นอาจเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของเขาก็เป็นผิดได้ วิธีพิจารณาอาญา ฟ้อง บรรยายฟ้อง ฟ้องโจทก์ว่าจำเลยบังอาจทำให้เสียทรัพย์โดยทอดแห่จับปลาในนาของเจ้าทรัพย์ทำให้เข้าในนาเสียหาย ดังนี้เป็นฟ้องมีมูลคดีในทางอาญาซึ่งศาลต้องรับไว้พิจารณา ฎีกาอุทธรณ์ ปัญหา กฎหมายข้อความในฟ้องโจทก์มีมูลคดีในทางอาญาหรือไม่เป็นปัญหากฎหมาย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้แหทอดจับปลาในนาของ ฉ.ทำให้ต้นเข้าที่เพาะหว่านไว้เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ม.๓๒๔
ในเวลาพิจารณาคดีโจทก์ขอสืบพะยานในข้อที่ว่าที่ซึ่งจำเลยทอดแหนั้นมีต้นเข้าปลูกอยู่แลต้นเข้าของ ฤ.เสียหาย
ศาลเดิมเห็นว่าการกระทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายนั้นโจทก์ต้องแสดงว่าจำเลยได้กระทำโดยแกล้งหรือโดยเจตนาร้ายจึงจะลงโทษทางอาญาได้ จึงไม่ฟังพะยานโจทก์พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซึ่งเป็นมูลคดีอาญา ศาลควรรับไว้พิจารณาฟังพะยานต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าหากจำเลยทอกแหตรงที่จำเลยเห็นต้นเข้าของโจทก์ปลูกอยู่จำเลยก็อาจเห็นผลแห่งการกระทำของจำเลย คือเข้าที่ปลูกอยู่ตรงนั้นอาจเสียหายได้ จะว่าจำเลยไม่มีเจตนาร้ายนั้น ไม่เห็นพ้องด้วย เพราะเจตนานั้นแม้แต่เพียงอาจเห็นผลแห่งการกระทำก็เป็นอยู่ในตัวแล้ว จำเลยจะตั้งใจกระทำให้เกิดเสียหายแก่ทรัพย์โดยตรงหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ถ้าจำเลยกระทำโดยรู้ว่าการกระทำของจำเลยอาจเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของเขาแล้ว ก็พอจะถือเป็นผิดทางอาญาได้ เห็นว่าฟ้องโจทก์มีมูลเป็นคดีอาญาขัดพอแล้วควรต้องฟังคำพะยานของโจทก์ต่อไป จึงพิพากษากลับศาลล่างให้ศาลเดิมพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปตามกระบวนความ

Share