คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5977/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับผู้อื่นแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนแม้โจทก์จะมิได้บรรยายมาในฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดได้ ไม่ถือว่าเกินคำขอเพราะการสนับสนุนการกระทำความผิดมีโทษเบากว่าการกระทำความผิดของตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับนายบุญเทียมผู้จัดการธนาคารโจทก์ร่วมและนายบรรศักดิ์สมุห์บัญชีธนาคารโจทก์ร่วม สาขาท่าดินแดง ทำหลักฐานเท็จและยักยอกเงินของโจทก์ร่วมไปหลายรายการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353, 354, 83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา354 ประกอบมาตรา 86 รวม 4 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 8 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติว่า จำเลยมีส่วนช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกผู้อื่นในการทุจริตยักยอกเงินรายนี้ของโจทก์ร่วม เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
จำเลยฎีกาว่า ทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมมิได้นำสืบพยานว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาเกินคำขอนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์และโจทก์ก็ได้นำสืบไปตามข้อหาดังระบุในฟ้องแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกผู้อื่นในการยักยอกเงินของโจทก์ร่วมแม้โจทก์จะมิได้บรรยายมาในฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานสนับสนุนการยักยอกทรัพย์ ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดได้ไม่เกินคำขอ เพราะการสนับสนุนการกระทำความผิดมีโทษเบากว่าการกระทำความผิดของตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.

Share