คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าหากจำเลยชำระค่าเช่าซื้อครบตามสัญญา ก็อยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทให้จำเลยได้ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงสมบรูณ์บังคับได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อย ใช้การได้ดีคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๙๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๒๑ ต่อปี และชำระเงินจำนวน ๓๓๕,๗๔๔.๘๖ บาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์เดือนละ ๒๑,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจกท์ไม่ใช้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์ตามฟ้องจึงไม่มีสิทธินำมาให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน ที่เช่าซื้อขณะทำสัญญา สัญญาจึงมีผลสมบูรณ์หรือไม่ เห็นว่า แม้จะฟังว่า ขณะทำสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าหากจำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อครบตามสัญญาก็อยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทให้จำเลยที่ ๑ ได้ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ จึงสมบูรณ์บังคับได้ตามกฎหมาย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น…
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์พิพาทในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีคืนแก่โจทก์ มิฉะนั้นให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคารถยนต์เป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๗๘๘,๒๘๑.๓๑ บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share