คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2511 มาตรา 75 ต่อมาเมื่อคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2511 อันเป็นบทบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดได้ถูกยกเลิกโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมหาสารคามได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สั่งให้นางสุมนัส อินทฤทธิ์พนักงานเทศบาล คัดสำเนาเอกสารต่าง ๆ ของเทศบาล แล้วจำเลยไปกล่าวคำปราศรัยต่อประชาชนทั้งในและนอกเขตเทศบาลในฐานะจำเลยเป็นนายกเทศมนตรี โดยนำเอกสารดังกล่าวไปเปิดเผยต่อประชาชนในการที่จำเลยหาเสียงเลือกตั้งให้แก่นางสมบูรณ์ นาคะพงษ์ ภรรยาจำเลย เป็นคุณแก่นางสมบูรณ์ นาคะพงษ์ และเป็นโทษแก่นายเกตุ วงศ์กาไสย นายบุญช่วยอัตถากร และ นายวัฒนา อัตถากร ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อความที่จำเลยกล่าวปราศรัยมีรายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2511 มาตรา 75 และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลย

จำเลยให้การปฏิเสธ

นายบุญช่วย อัตถากร และ นายเกตุ วงศ์กาไสย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมหาสารคาม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ สั่งให้พนักงานเทศบาลคัดสำเนาเอกสารต่าง ๆ ของเทศบาลแล้วไปกล่าวคำปราศรัยต่อประชาชนในฐานะเป็นนายกเทศมนตรี โดยนำเอาเอกสารดังกล่าวไปเปิดเผยต่อประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ภรรยาของจำเลย เป็นคุณแก่ภรรยาของจำเลย และเป็นโทษแก่โจทก์ร่วมทั้งสองกับนายวัฒนา อัตถากร ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นความผิดตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511

ต่อมาเมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511 อันเป็นบทบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิด ได้ถูกยกเลิกโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 35 ซึ่งสั่ง ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2519 กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) ที่ว่า เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับ จึงให้ยกฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง

พิพากษายืน

Share