แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ จำเลยที่ 2 ได้วางหลักทรัพย์เป็นประกันค่าเสียหายตามคำพิพากษา ของศาลชั้นต้นไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ มีทางชนะคดีในชั้นฎีกาหากให้จำเลยหรือตัวแทนรับหลักทรัพย์ดังกล่าวคืนไป โจทก์อาจไม่มีทางบังคับคดีจากทรัพย์สินของจำเลยเมื่อโจทก์ชนะคดี โปรดสั่งระงับไม่อนุญาตให้จำเลยหรือตัวแทนรับหลักทรัพย์ดังกล่าวคืนไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 177)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 391,955 บาท จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดชดใช้ในวงเงิน 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 391,955 บาท และต้นเงิน 25,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ฯลฯ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ และขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้มรณะนางสาวจำรัสรัตน์เสริบุตร ทายาท ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต
จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์โดยนายบุญเลิศ แพงภูงา กับพวก ที่ 2 รวม 3 คน นำ น.ส.3 ก.ของตนคนละ 1 ฉบับ รวม 3 ฉบับ มาวางเป็นหลักประกัน และทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 133)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ที่ 2 เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 170,169)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 เฉพาะชั้นอุทธรณ์เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สัญญาค้ำประกันระงับแล้ว ผู้ค้ำประกันไม่ผูกพันที่จะต้องชำระหนี้แทนจำเลยที่ 2ต่อไป ไม่มีเหตุที่จะระงับการขอคืนหลักทรัพย์ของผู้ค้ำประกันยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ