คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นเรือนทรงไทย 2 หลังแฝดเป็นอสังหาริมทรัพย์แม้คดีจะมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเรื่องกู้ยืมและค้ำประกัน ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงบังคับคดียึดเรือนทรงไทย 2 หลังแฝดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 1 ผู้ร้องร้องว่าเรือนที่โจทก์นำยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ตามที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านเลขที่ 35 หมู่ที่2 ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์คดีนี้จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ฉะนั้นศาลอุทธรณ์ต้องรับไว้พิจารณานั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทรัพย์พิพาทเป็นเรือนทรงไทย 2 หลังแฝดเป็นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้รับยกเว้นตามบทบัญญัติวรรคสองของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ให้อุทธรณ์ได้ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาทต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่งจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้นั้น ไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่กล่าวแล้วฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาลให้ศาลอุทธรณ์รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา’.

Share