คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำเงินที่ได้จากการขายสินค้าส่งมอบให้โจทก์ร่วมในวันที่ 31 สิงหาคม 2530 ขาดจำนวนไป 84,434 บาท โดยรับว่าจำเลยได้รับเงินค่าขายสินค้าที่ขาดส่งจากลูกค้าและนำไปใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว โจทก์ร่วมจึงทราบถึงการกระทำความผิดของจำเลยตั้งแต่วันดังกล่าว การที่โจทก์ร่วมให้จำเลยนำเงินที่ขาดส่งมามอบให้โจทก์ร่วมภายใน 30 วันนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผ่อนผันให้จำเลยนำเงินมาคืนเพื่อจะไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยเท่านั้นการที่โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้ อ.ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2530 นั้น จึงพ้น 3 เดือนนับแต่วันที่โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352และให้จำเลยคืนเงิน 84,434 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทแสตนดาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนเงิน 84,434 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการแรกว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยนำเงินที่ได้จากการขายสินค้าส่งมอบให้โจทก์ร่วมในวันที่ 31สิงหาคม 2530 ขาดจำนวนไป 84,434 บาท อันเป็นการผิดระเบียบของโจทก์ร่วมนั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับคำเบิกความของนางสาววันทนา อนันตสิน พนักงานบัญชีและหัวหน้าพนักงานฝ่ายขายของโจทก์ร่วม พยานของโจทก์ที่ว่า ในวันที่จำเลยส่งมอบเงินขาดจำนวนดังกล่าว จำเลยรับว่าได้ขายสินค้าของโจทก์ร่วมตามจำนวนเงินที่ขาดส่งนั้นไปแล้ว และจากคำเบิกความของนายชัยสิทธิ์สุขกาญจนาภรณ์กุล ผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์ร่วม พยานของโจทก์ร่วมที่ว่า ในวันดังกล่าวจำเลยรับว่าจำเลยได้รับเงินค่าสินค้าที่ขาดส่งจากลูกค้าและนำไปใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว นายชัยสิทธิ์จึงได้บอกจำเลยให้นำเงินที่ขาดส่งมาคืนให้โจทก์ร่วมภายใน 30 วัน โดยได้ทำหลักฐานให้จำเลยลงชื่อไว้ตามใบสั่งจ่ายนั้น เชื่อได้ว่าหากจำเลยได้กระทำความผิดฐานยักยอกเงินที่ขาดส่งจำนวน 84,434 บาทไปแล้ว โจทก์ร่วมก็ทราบถึงการกระทำความผิดของจำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2530 ส่วนที่โจทก์ร่วมให้จำเลยนำเงินที่ขาดส่งมอบให้โจทก์ร่วมภายใน 30 วัน นับจากวันดังกล่าว เห็นว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผ่อนผันให้โอกาสจำเลยนำเงินมาคืนให้ โจทก์ร่วมเพื่อโจทก์ร่วมจะไม่ดำเนินคดีแก่จำเลย ซึ่งไม่มีผลที่จะทำให้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมเพิ่งทราบถึงการกระทำความผิดของจำเลยเมื่อพ้นกำหนด30 วันนับจากวันที่โจทก์ร่วมผ่อนผันให้จำเลยนำเงินมาคืนให้โจทก์ร่วมและด้วยเหตุดังวินิจฉัยแล้ว จึงเห็นว่าการที่โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้นายอดุลย์ไปร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกธีรชัย พนักงานสอบสวนขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2530 นั้นเป็นการร้องทุกข์ เมื่อพ้นกำหนด 3 เดือน นับจากวันที่ 31 สิงหาคม2530 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว ฯลฯ
พิพากษายืน

Share