คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5953/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ จนโจทก์ได้รับอันตราย บาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลัง เครื่องจักรกลนั้น เมื่อจำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ ชนโจทก์จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะ อันเดินด้วยเครื่องกำลังจักรกลไม่ได้เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครอง รถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ขับและเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ได้ขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนโจทก์ ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ขณะเกิดเหตุนายนุโรจน์ โก่งเกษรเพื่อนของจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยจำเลยนั่งซ้อนท้ายจำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุแล้วจึงมีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ จนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้นดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์แต่อย่างใด จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องกำลังจักรกลไม่ได้เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 แต่อย่างใด”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share