คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5951/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มี น. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์มาเบิกความยืนยันประกอบหนังสือมอบอำนาจเอกสารแสดงฐานะการเป็นนิติบุคคลของโจทก์และหนังสือรับรองลายมือชื่อโดยโนตารีปับลิก และกงสุลไทยประจำเมืองที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. ดำเนินคดีแทนในประเทศไทย จำเลยไม่นำสืบหักล้าง โจทก์จึงไม่จำต้องนำกรรมการผู้มอบอำนาจของโจทก์มาเบิกความประกอบข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. ดำเนินคดีแทนในประเทศไทยแล้ว และหนังสือมอบอำนาจไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร การนำพยานบุคคลมาสืบเกี่ยวกับน้ำหนักเหล็กแผ่นพิพาทว่า มีน้ำหนักแตกต่างไปจากน้ำหนักที่ระบุในใบแจ้งราคาเบื้องต้นของเหล็กแผ่น ซึ่งมีรายละเอียดระบุในเอกสารนั้นว่ารายละเอียดต่าง ๆ เช่น น้ำหนัก ราคาเป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้น น้ำหนักแท้จริงน้ำหนักแน่นอนจะแจ้งหนี้ครั้งสุดท้าย ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าทั้งปริมาณและราคายังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว ดังนั้น การสืบพยานโจทก์จึงไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงพยานเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94(ข).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน มอบอำนาจให้นายนิพันธ์ดำเนินคดีนี้ จำเลยได้สั่งซื้อเหล็กแผ่นจากโจทก์เมื่อขนส่งสินค้าทางเรือมาถึงประเทศไทยจึงมีการชั่งน้ำหนักปรากฏว่าเหล็กแผ่นมีน้ำหนักเกินกว่าที่ระบุในใบกำกับสินค้าและใบตราส่งสินค้า จำเลยรับสินค้าไปทั้งหมดแต่ไม่ได้ชำระราคาสินค้าที่มีน้ำหนักเกิน ขอให้จำเลยชำระเงิน 879,284.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ผู้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ใช่กรรมการของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยชำระเงิน 768,773.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่เห็นว่า โจทก์มีนายนิพันธ์ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ พยานโจทก์มาเบิกความยืนยันประกอบหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.1 เอกสารแสดงฐานะการเป็นนิติบุคคลของโจทก์เอกสารหมาย จ.2 และหนังสือรับรองลายมือชื่อโดยโนตารีปับลิกและกงสุลไทยประจำเมืองดุสเซลคอร์ฟเอกสารหมาย จ.3 ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายนิพันธ์ดำเนินคดีแทนในประเทศไทย และนายนิพันธ์ได้ตั้งทนายความฟ้องจำเลยคดีนี้จำเลยไม่มีพยานมาสืบหักล้างในข้อนี้ จึงฟังได้ว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายนิพันธ์ดำเนินคดีนี้โดยโจทก์ไม่จำต้องนำกรรมการผู้มอบอำนาจของโจทก์มาเบิกความประกอบ และหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ดังนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
ปัญหาว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่เห็นว่า ตามเอกสารหมาย จ.5 เป็นแต่เพียงใบแจ้งราคาเบื้องต้นซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ในเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้น โดยคำนวณน้ำหนักของเหล็กแผ่นขนาดต่าง ๆ รวมกันประมาณ2,266 ตัน ราคาทั้งสิ้นประมาณ 509,850 เหรียญสหรัฐอเมริกาทั้งยังระบุด้วยว่าแจ้งหนี้ตามน้ำหนักแท้จริง น้ำหนักแน่นอนจะแจ้งหนี้ครั้งสุดท้าย ยิ่งกว่านี้ยังมีรายการหมายเหตุอันดับที่ 6 ว่าเลตเตอร์ออฟเครดิตยอมให้ใช้กับปริมาณรวมทั้งสิ้นและจำนวนเงินบวด/ลบร้อยละ 10 ซึ่งเป็นข้อแสดงให้เห็นว่าทั้งปริมาณและราคายังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าวและโจทก์ยังมีนายทรงศักดิ์มาเบิกความประกอบว่าน้ำหนักตามใบตราส่งสินค้าเป็นน้ำหนักที่ไม่แน่นอนเนื่องจากการชั่งน้ำหนักของบริษัทเรือผู้บรรทุกชั่งจากการดูเรือว่าเรือจมไปในน้ำเท่าใด อันเป็นการคำนวณตามสูตรของบริษัทเรือผู้บรรทุก ซึ่งเป็นการสนับสนุนอีกทางหนึ่งให้เห็นว่า การชั่งน้ำหนักโดยวิธีดังกล่าวน้ำหนักอาจคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้ จึงเชื่อว่าจะต้องมีการชั่งน้ำหนักกันใหม่เมื่อสินค้าเหล็กแผ่นมาถึงปลายทางแล้ว เพื่อให้ทราบน้ำหนักที่แท้จริงจะได้คิดราคากันได้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งยิ่งกว่านั้นโจทก์ยังมีนายแดเนียลและนายสมจิตร ซึ่งผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักมาเบิกความประกอบเอกสารเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักเหล็กแผ่นโดยมีข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักซึ่งผลของการชั่งน้ำหนักปรากฏว่าแผ่นเหล็กพิพาทมีน้ำหนัก 2,513.050 ตัน เพิ่มจากที่ระบุไว้ในเอกสารหมาย จ.5 ร้อยละ 5.30 ตามรายงานการสำรวจเอกสารหมาย จ.7 ส่วนพยานจำเลยมีนายโรจน์มาเบิกความว่า ได้สุ่มตัวอย่างเหล็กแผ่นพิพาทมาชั่งน้ำหนักไม่เกิน 10 แผ่น จากจำนวน 2,000 กว่าแผ่นเมื่อจำนวนที่สุ่มตัวอย่างมาชั่งน้ำหนัก น้ำหนักถูกต้องต้องถือเอาว่า น้ำหนักทั้งหมดถูกต้องใกล้เคียงไม่สงสัยน้ำหนักที่เหลือ จึงรับรองให้ว่าน้ำหนักถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า วิธีการชั่งน้ำหนักสุ่มตัวอย่างจากจำนวนเพียงเล็กน้อยดังกล่าวว่าถูกต้อง จะถือเอาว่าส่วนใหญ่ถูกต้องด้วยนั้นย่อมไม่มีเหตุผลพอที่จะรับฟังเพราะเป็นการคาดคะเนเอาเอง ซึ่งไม่แน่นอน พยานโจทก์ที่นำสืบในข้อนี้มีน้ำหนักรับฟังมากกว่าพยานจำเลย และการสืบพยานของโจทก์ในข้อนี้หาใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงพยานเอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องนำมาแสดงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)ดังที่จำเลยฎีกาไม่ รูปคดีฟังได้ว่า เหล็กแผ่นพิพาททั้งหมดมีน้ำหนัก2,513.050 ตัน เกินจากที่ระบุไว้ในใบตราสินค้า 125,547 ตัน เมื่อจำเลยรับมอบแผ่นเหล็กพิพาทที่โจทก์ส่งมาไว้ทั้งหมด จึงต้องใช้ราคาให้แก่โจทก์ตามส่วนด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share