แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีส่วนได้รับเงินในการขายนา รับเงินมาจากอำเภอแล้วไม่ได้มาจัดการแบ่งให้แก่พวกน้อง ๆ ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ หรือวิ่งราวทรัพย์
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกับนายทศและคนอื่น ๆ ที่เป็นน้อง ๆ จำเลยได้ตกลงขายที่นาซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันให้แก่นายวาศ แล้วไปทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ เสียนอำเภอได้หักหนี้สินกันเรียบร้อยแล้ว คงมีเงินเหลืออยู่อีก ๔๖ บาท พวกน้อง ๆ ขอให้เสมียนอำเภอช่วยจัดแบ่งเงินนั้น แต่เสมียนผู้นั้นเอามือเสือกเงิน ๖๔ บาทออกมา สัก ๑ ศอก และให้ไปแบ่งกันเอง จำเลยก็รวบเงินนั้นไปแล้วพูดว่าจะเอาไปแบ่งปันกัน แต่แล้วจำเลยก็ไม่ได้แบ่งเงินนั้น โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๙๗.
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนแต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าการกระทำของจำเลยครบองค์แห่งความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว และจำเลยหยิบเงินไปต่อหน้าเจ้าทรัพย์และพาหนีไปทันที จึงควรมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเงิน ๔๖ บาที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นเงินราคาขายที่นาซึ่งจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเจ้าของนาร่วมกันและที่เสมียนอำเภอเสือกเงินออกมานั้น ยังไม่มีใครรับ จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของนาที่ขายได้เงินจำนวนนั้นแล้ว จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของนาที่ขายได้เงินจำนวนนั้นแล้ว จำเลยรับมอบเงินนั้นไปจึงไม่เป็นลักทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ตามฟ้อง การที่จำเลยจะแบ่งเงินนั้นให้น้อง ๆ หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงพิพากษายืน.